วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552
Error Code คืออะไร ???
ถ้าคุณใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์อยู่เป็นประจำละก็ เชื่อได้เลยว่าต้องเคยพบกับรายงานความผิดพลาดอย่าง Error 126, STOP: 0x0000007B(0xF741B84C,0xC0000034,0x00000000,0x00000000) หรือไม่ก็ Error 0x800a0099 ที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ “บลูสกรีน”
หรือแม้แต่แสดงผ่านแมสเสจ บ็อกซ์ ของวินโดวส์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะแจ้งว่าเกิดอะไรขึ้น และแนะนำให้คุณแก้ปัญหาเบื้องต้นนี้อย่างไร แต่เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะสนใจและอ่านรายงานความผิดพลาดจนจบ เมื่อเจอกับข้อความ Error เข้า ส่วนใหญ่ก็จะไล่ปิดหน้าต่างหนีไปซะเลย ทำให้ปัญหาเหล่านั้นยังคงค้างคาอยู่ในเครื่อง และรอวันที่จะสร้างความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์ของคุณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะส่วนของโปรแกรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในเครื่องของคุณอีกด้วย ที่อาจจะเริ่มทำงานผิดปกติ แต่ผู้ใช้กลับไม่รู้ตัว เพราะมีเพียงซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเท่านั้น ที่จะทราบถึงปัญหาความผิดปกติเล็กน้อยที่เริ่มก่อตัวขึ้น ดังนั้น ถ้าวันใดที่คุณพบ Error Code หรือรายงานความผิดพลาดแจ้งขึ้นมาอีก แนะนำให้ทำความเข้าใจกับมันก่อน คุณอาจจะจดเอาไว้ในกระดาษ แล้วค่อยไปค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ทีหลัง
Error Code ไม่หน้ากลัวอย่างที่คิด
การคิดไปล่วงหน้าเองว่า ตัวคุณจะรับมือกับความผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนคอมพิวเตอร์ และวินโดวส์โดยลำพังไม่ไหวนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นการยอมแพ้อะไรง่ายๆ ไปซักนิด เพราะถ้าคุณยังไม่ได้ลงมือทำ หรือแก้ปัญหาด้วยตนเองก็จะไม่รู้เลยว่า ทุกปัญหานั้นยังพอมีทางแก้ไข ถึงแม้บางทีจะไม่ได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ตามแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้คุณรักษาข้อมูลสำคัญเอาไว้ได้เช่นกัน
เมื่อวินโดวส์หรัสความผิดพลาดอย่าง Error Code หรือ Error Message ต่างๆขึ้นมาอย่าเพิ่งตกใจชัตดาวน์เครื่องแล้วหนีปัญหาไปนะครับ ถ้าเป็นหน้าจอบลูสกรีน แล้วมีตัวหนังสือเยอะๆ หรือตัวเลขฐาน 16 ที่คุณไม่รู้ความหมายนั้น ให้อ่านข้อมูลคร่าวๆ ที่เป็นการแจ้งความผิดพลาดก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นให้จด Error Code หรืออาจจะเป็น Error Message ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอลงในกระดาษ คุณอาจใช้กล้องดิจิตอลถ่ายภาพเอาไว้ เพื่อเก็บรายระเอียดต่างๆ ให้หมด การค้นหาคำตอบหรือความหมายของรหัสความผิดพลาดเหล่านั้นให้เริ่มต้นจาก Help ของวินโดวส์ก่อน ถ้าไม่พบข้อมูลที่ต้องการก็ให้ค้นหาจากเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูล เว็บไดเรกทอรีต่างๆโดยเฉพาะที่เว็บ http://support.microsoft.com นั้น เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดี ที่ควรเข้าไปใช้บริการบ่อยๆ เพราะเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์โดยตรง แต่บางที การค้นหาเอาตามเว็บบอร์ดไอทีต่างๆ อาจได้คำตอบเร็วกว่าที่คิด เพราะมีคนเข้าออกและผ่านเข้ามาตอบปัญหาให้เป็นจำนวนมาก
วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552
วิธีกู้ Windows XP แบบไม่ต้องลงใหม่
3.เอาแผ่นดิสก์ที่ทำไว้แล้วตามข้อ 1 ใส่ไปที่เครื่อง ออกไปที่ DOS Prompt แล้วพิมพ์คำสั่งก๊อปปี้ไฟล์ตามข้างล่างนี้
เทคนิคที่ 3 ซ่อมวินโดวส์ ด้วยแผ่นบู๊ต Boot CD Rom
1.เมื่อเข้าหน้าจอ Windows to Setup หน้าแรก ให้คุณกด Enter ผ่านขั้นตอนนี้ไป
วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552
Bugs ในโปรแกรมต่างๆคืออะไร??
ว่ากันด้วยเรื่องการปะผุ (Patch และ Services Pack) ว่ากันว่า บั๊ก (Bug) นั้นเกิดมาพร้อมกับโปรแกรมที่เขียนออกมาทีเดียว ยิ่งโปรแกรมซับซ้อนเท่าไร โอกาสที่จะมีบั๊กก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เรื่องของบั๊กตามที่ผมได้ฟังมานั้น มันเหมือนกับโจ๊กในวงการตลกของฝรั่งเขาแหละ สนุกแต่เศร้าเคล้าน้ำตา เรื่องมีอยู่ว่าสมัยที่คอมพิวเตอร์ยังมีขนาดเท่าห้องประชุมย่อมๆ และใช้หลอดสูญญากาศในการทำงาน (ยังไม่ถึงสมัยของทรานซิสเตอร์ ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงชิปหรือไอซี) มีวันหนึ่งวิศวกรก็สั่งให้คอมพิวเตอร์ดังกล่าวประมวลผล ปรากฎว่าสั่งอย่างไร มันก็ไม่ประมวลผล หรือประมวลผลออกไม่ตรงกับที่คาดหมาย คล้ายๆจะเบลอหรือสมองเสื่อม วิศวกรก็ค้นหากันใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคอมพิวเตอร์หรือชุดคำสั่งประมวลผล (โปรแกรม) หลังจากพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตรวจไม่พบ ในที่สุดวิศวกรคนหนึ่งก็เข้าไปดูในส่วนของฮาร์ดแวร์ และพบว่าแมลงตัวหนึ่งเกาะที่ขาหลอด ก็เลยจับเอาแมลงที่เกาะติดกับขาของหลอดสูญญากาศออกมา พร้อมกับตะโกนว่า บั๊ก บั๊ก พอจับเอาแมลงออกไปก็เป็นอันว่ารันโปรแกรมได้ตามปกติ ดังนั้นชื่อของบั๊ก อันแปลความหมายเป็นไทยว่าแมลง จึงถูกนำไปเรียกสาเหตุความผิดพลาดนาประการเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เกี่ยวกับบั๊กในยุคก่อนนั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ใคร่ได้รับความสนใจนัก เนื่องจากบั๊กนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือผลไม่เด่นชัด โปรแกรมสมัยก่อนไม่ซับซ้อน แต่ปัจจุบันบั๊กเป็นของแถมที่ให้มาฟรีเมื่อซื้อซอฟต์แวร์เลยทีเดียว สังเกตได้ว่าหากมีโปรแกรมใดๆออกมาใหม่ เมื่อผ่านไปได้สองสามเดือน ผู้ผลิตจะได้รับรายงานผลจากผู้ใช้งานว่า เกิดปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานซอฟต์แวร์ตรงนั้นตรงนี้ ทางผู้ผลิตก็จะเริ่มตรวจสอบและแก้ไขไปด้วย ซอฟต์แวร์ในระยะต่อมาก็จะเป็นชุดที่ได้รับการแก้ไขบั๊กดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว หรือหากมีการแก้ไขมากกว่าเดิม ผู้ผลิตก็มักจะเปลี่ยนชื่อเวอร์ชั่นหรือชื่อรุ่นไป เช่น ไมโครซอฟต์เวิร์ด 6.0 พอแก้บั๊กครั้งต่อๆไป ก็เป็น MS Word 6.0a , 6.0b , 6.0c แต่มาพอมาระยะหลัง ความซับซ้อนของซอฟต์แวร์มีมากขึ้น ประกอบกับการพัฒนาเทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์เป็นไปอย่างเร็วมากขึ้น จากการแก้บั๊กรุ่นอัปเกรดเวอร์ชั่น ก็ก้าวเข้าสู่ Services Pack ซึ่งหมายถึงชุดรวมของซอฟต์แวร์ที่ออกมาเพื่ออัปเดท ด้วยและแก้บั๊กที่เคยมีอยู่ด้วยพร้อมกันเลยทีเดียว
เกี่ยวกับซอฟต์แวร์แก้บั๊กนั้น เมื่อผู้ผลิตซอฟต์แวร์แก้ไขได้มากพอสมควร ก็จะนำเอาชุดโปรแกรมสำหรับแก้บั๊ก ซึ่งเรียกว่าเป็นชุดปะผุบ้าง อัปเดทบ้าง แจกผู้ใช้โดยไม่คิดมูลค่ากันเสียที (ก็เวลาบั๊กยังแจกฟรี เวลาแจกยากำจัดก็ควรจะแจกฟรีด้วยสิครับ) นี่คือที่มาของ Services Pack เช่น Windows 95 Services Pack 1 หรือ Windows NT 4.0 ซึ่งมีถึง Services Pack 3 เข้าไปแล้ว MS Office 7.0 ก็เช่นเดียวกันมีชุด Office Services Pack, PC Anywhere For 95 , Adobe Aldus Photoshop Services pack..คราวนี้ หลายๆคนเริ่มอาจถามว่า แล้วควรจะติดตั้ง Services Pack เหล่านั้นลงไปหรือไม่ คำตอบก็คือ ให้ตรวจสอบกับเอกสารก่อนว่า สิ่งที่เขาแก้ไขมานั้นเป็นส่วนที่ผู้ใช้เองประสบปัญหาอยู่หรือไม่ หากไม่เกี่ยวก็คงไม่ต้องติดตั้งชุดแก้บั๊กลงไปก็ได้ แต่ถ้าจะให้ปลอดภัยและมั่นใจเต็มร้อยละก็ติดตั้งลงไปจะดีกว่า เสียเวลานิดเดียวเอง ดีกว่าเสียใจภายหลัง
Services Pack สำคัญที่ผมเองแนะนำให้ติดตั้งเสมอ มีดังต่อไปนี้ Windows 95 Service Pack 1 (สำหรับวินโดวส์ 95 ภาษาไทยต้องติดตั้ง Services Pack Thai Edition) MS Office 95 Services Pack, Windows NT 4.0 Server. Services Pack. รวมไปถึง IOSUPD.EXE สำหรับแก้ไขปัญหา I/O Stream ของวินโดวส์ 95 ด้วย เท่าที่นึกได้ตอนนี้ก็มีเท่านี้แหละ
ข้อควรระวังเกี่ยวกับการติดตั้งชุด Services Pack ควรให้ความระมัดระวังเกี่ยวกับซอฟต์แวร์อะไรก็ตามที่มีชื่อลงท้ายว่า Thai Edition อันหมายความว่าเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทย ซึ่งถูกนำมาเปลี่ยนแปลงบางส่วนเพื่อให้ทำงานกับระบบภาษาไทยได้สมบูรณ์ การอัปเดทจะไม่สามารถนำเอา Services pack ที่เป็นภาษาอังกฤษมาติดตั้งได้ ปกติเวอร์ชั่นมาตรฐานของซอฟต์แวร์ต่างๆ คือเวอร์ชั่น ภาษาอังกฤษ ซึ่งมักมีชุด Services Pack หรือชุดแก้บักก่อนเวอร์ชั่นอื่นๆ
การอัพเดทไบออส หรือที่เรียกว่าการ Flash BIOS ก็เป็นการแก้บั๊กประการหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่รายละเอียดจะไม่นำมากล่าวไว้ที่นี้ เนื่องจากมีบทความแยกเฉพาะสำหรับ การอัพเดทไบออส โดยการ Flash แยกไว้ต่างหาก
วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ลบไฟล์ไม่พึงประสงค์ด้วย ACDSee
วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ทำความสะอาด Windows กันซักนิด ด้วย Microsoft’s OneCare
OneCare เป็นบริการฟรีจากทาง Microsoft ที่คุณสามารถขอใช้บริการได้ถ้าคุณใช้ XP หรือ Vista ที่เป็นของแท้…ย้ำว่าของแท้เท่านั้น…ซึ่งการทำงานของ OneCare รวม ๆ แล้วคือการไปทำความสะอาดเครื่องของคุณ มันไม่ใช่แค่มองหา และลบพวก spyware และ virus เท่านั้น แต่มันจะทำการตรวจสอบ registry mis-configuration, error ต่าง ๆ, และปัญหาของระบบต่าง ๆ เช่น fragmentation เป็นต้น
OneCare ยังช่วยตรวจสอบระบบ firewall และ antivirus บนเครื่องของคุณด้วย หากคุณไม่แน่ใจกับประสิทธิภาพของ OneCare ก็ไม่ต้องกลัว เพราะโปรแกรมตัวนี้มีระบบ un-doable หรือยกเลิกสิ่งที่ทำไปแล้วได้ ไม่ว่าคุณจะให้มันทำอะไรสุดท้ายแล้วถ้าคุณไม่พอใช้ก็แค่ un-do มันก็เท่านั้น ซึ่งการ un-do นี้จะต้องทำผ่าน restore point ดังนั้นคุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ทำ restore point ไว้ก่อนที่จะเริ่มใช้ OneCare
หากคุณเลือก Complete Scan - ระบบจะใช้เวลาในการทำงานนานกว่า แต่จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ พร้อมทั้งแก้ไขสิ่งต่าง ๆ บนระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ อย่างไรก็ตามก็จะทำการ Complate Scan ให้คุณแน่ใจก่อนว่า internet ของคุณนั้นมี security ที่ดี หากคุณมีข้อสงสัยประการใดก็สามารถคลิ๊กที่ link สีฟ้าในรูปที่เขียนว่า “Help Me Choose”
เมื่อโปรแกรมเริ่มทำการ scan เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ คุณจะต้องให้เวลากับมันซักหน่อย เพราะการ scan เครื่องของคุณโดยละเอียดหรือ Complete Scan นั้นอาจจะต้องใช้เวลาตั้งแต่ 5 ชั่วโมงขึ้นไป อย่างไรก็ตามในบางครั้งก็อาจจะใช้แค่ 20 นาทีได้เหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นอยู่กับว่าระบบต่าง ๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณมันรกรุงรังแค่ไหน
เมื่อ OneCare เสร็จสิ้นการทำงานโปรแกรมจะรายงานผลให้คุณทราบ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล virus ต่าง ๆ ที่พบ และข้อมูลการกำจัด virus เหล่า
ลองไปใช้กันดูนะคะ สำหรับ OneCare คิดว่ามันทำงานได้ดีเป็นที่น่าพอใจมาก
วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552
6 สัญญาณอันตราย ฮาร์ดดิสก์ใกล้ตาย
1. LED แสดงสถานะการทำงานของฮาร์ดดิสก์ไม่ยอมดับ แม้มันจะฟังดูเกินเหตุ เนื่องจากบางทีมันอาจจะมาจาก LED มีปัญหาก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว การที่ LED แสดงสถานะการทำงานของฮาร์ดดิสก์สว่างอยู่ตลอดเวลา ค่อนข้างจะชัดเจนว่า มันมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ โดยเฉพาะการทำงานของฮาร์ดดิสก์ และยิ่งปล่อยเนิ่นนานไป ปัญหาจะลุกลามไปจนแก้ไม่ได้ในที่สุด
2. ฮาร์ดดิสก์ใช้เวลานานกว่าจะพร้อมทำงาน ฮาร์ดดิสก์ของคุณใช้เวลาในการบู๊ตนานเกินไป หรือเปล่า? จริงอยู่ที่มันอาจจากการที่ต้องโหลดโปรแกรมเริ่มต้นการทำงานหลายตัว แต่ถึงนั้นก็เถอะ ถ้ามันใช้เวลาเกินกว่าสองนาทีก็ถือว่า มีพิรุธแล้ว เพราะนั่นอาจเกิดจากการอ่าน หรือเขียนข้อความที่ผิดพลาดบนฮาร์ดดิสก์อยู่ก็ได้
3. ฮาร์ดดิสก์ไม่สามารถหา File Table ได้ ถ้าฮาร์ดดิสก์ไม่สามารถหา Windows Master File Table (MFT) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังเกิดการล่มของการทำงานอย่างไม่คาดฝัน กรณีนี้แทบจะเรียกได้ว่า ฮาร์ดดิสก์ของคุณเข้าขั้นโคม่าเต็มทีแล้ว
4. CHKDSK แสดงเซคเตอร์เสีย (bad sector) Bad sector คือความจริงของชีวิต การที่ยูทิลิตี้แสดงว่า ฮาร์ดดิสก์ของคุณมี bad sector นั่นหมายความว่า ความเสื่อมสภาพกำลังคืบคลานเข้ามาสู่ฮาร์ดดิสก์ของคุณทีละก้าวๆ แม้มันจะช้ามาก แต่เป็นสัญญาณเตือนที่คอยบอกคุณว่า ความหายนะกำลังใกล้เข้ามาเยือนฮาร์ดดิสก์ของคุณแล้ว
5. ฮาร์ดดิสก์ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ปกติฮาร์ดดิสก์เวลาทำงานจะอุ่นๆ อยู่แล้ว แต่ถ้ามันร้อนมากจนรู้สึกได้ บางครั้งมีกลิ่นออกมาเลย ถ้ามีอาการเช่นนี้ก็เตรียมทำพิธีได้เลย ฮาร์ดดิสก์ของคุณใกล้ตายเต็มทีแล้ว
6. ประวัติของฮาร์ดดิสก์ ฮาร์ดดิสก์ที่เคยตกบนพื้นแข็ง (ขณะที่มันยังคงทำอยู่ หรือไม่ก็ตาม) หรือได้รับความร้อนมากเกินไป โดยเฉพาะเมื่อฮาร์ดดิสก์ได้รับการติดตั้งไว้ใกล้กับพัดลมระบายความร้อนซีพียู หรือพัดลมเสีย ซึ่งทั้งสองกรณีทำให้ความร้อนภายในสูงขึ้น ความร้อนนี้จะส่งผลให้ฮาร์ดดิสก์เริ่มมีอาการเอ๋อ อย่างเช่น มีปัญหาในการอ่าน หรือเขียนไฟล์ ปล่อยให้เป็นเช่นนี้เรื่อยๆ อายุของฮาร์ดดิสก์จะสั้นลงอย่างไม่ต้องสงสัย และหากฮาร์ดดิสก์มีประวัติทำนองนี้อยู่ล่ะก็ อายุของมันไม่ยืดแน่นอนครับ
วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552
108 ปัญหา เครื่องคอมพิวเตอร์ ที่พบกันบ่อย ๆ
108 ปัญหา เครื่องคอมพิวเตอร์ ที่พบกันบ่อย ๆ และแนวทางการแก้ไขเบื้องต้นรวบรวมปัญหาต่าง ๆ ที่พบได้บ่อย ๆ กับการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยได้พยายามรวบรวมปัญหาที่พบเห็นกันบ่อย ๆ และนำมาสรุปให้เป็นแนวทางสำหรับ การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น หวังว่าจะมีประโยชน์กับคนอื่น ๆ ได้บ้าง
ปัญหาของ Windows
• หลังจาก Setup Windows ใหม่แล้วเกิดการค้าง ไม่ยอมทำการ Setup ต่อไปเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่สิ่งหนึ่งที่พบบ่อย ๆ คือการตั้งค่า Virus Warning ใน bios ไว้ทำให้เครื่องไม่สามารถ เขียนข้อมูลทับลงบนส่วนของ boot record ของฮาร์ดดิสก์ได้ ให้ลองแก้ใน bios ตั้งให้เป็น Disable ไว้ก่อน และหลังจากทำการ Setup Windows เสร็จแล้วค่อยตั้งเป็น Enable ใหม่
• หลังจาก Setup Windows จะขึ้นข้อความ Windows Protection Errorที่พบบ่อย ๆ มากคือปัญหาของ RAM อาจจะเป็นเฉพาะช่วงที่ทำการ Setup Windows เท่านั้น (โดยที่ปกติก่อน Setup Windows จะใช้งานได้ ไม่เป็นอะไร) ให้ทดลองหา RAM มาเปลี่ยนใหม่ดู หรือหากเป็น SDRAM ให้ทดลองตั้งค่าใน bios ค่าของ CAS จากที่ตั้งเป็น 2 ลองตั้งเป็น 3 ดู อาจจะช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง
• ใช้ AMD K6II-350 ขึ้นไปลง Windows95 แล้วเกิด Error แต่ลง Windows98 ได้จะเกิดจากการใช้ CPU ของ AMD ที่มีความเร็วตั้งแต่ 350MHz ขึ้นไปกับ Windows95 วิธีแก้ไขคือไป Download Patch สำหรับแก้ปัญหานี้ที่ AMDK6UPD.EXE มาแก้ไขโดยสั่งรันไฟล์นี้แล้วบูทเครื่องใหม่ก่อน อ่านรายละเอียดที่นี่
ปัญหาของ ฮาร์ดแวร์
• RAM หายไปไหนเนี่ย ใส่เข้าไป 32 M. ทำไม Windows บอกว่ามี 28 M. เอง อาการของ RAM หายไปดื้อ ๆ จะเกิดกับการใช้เมนบอร์ดรุ่นที่มี VGA on board นะครับ ที่จริงก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก เพียงแต่ส่วนหนึ่งของ RAM จะถูกนำไปใช้กับ VGA ครับและขนาดที่จะโดนนำไปใช้ก็อาจจะเป็น 2M, 4M หรือ 8M ก็ได้ขึ้นอยู่กับการตั้งใน BIOS ครับ
• ใช้เครื่องได้สักพัก มักจะแฮงค์ พอปิดเครื่องสักครู่แล้วเปิดใหม่ ก็ใช้งานต่อได้อีกสักพักแล้วก็แฮงค์อีก อาจจะเกิดจากความร้อนสูงเกินไป อย่างแรกให้ตรวจสอบพัดลมต่าง ๆ ว่าทำงานปกติดีหรือเปล่า หากเครื่องทำ Over Clock อยู่ด้วยก็ทดลองลดความเร็วลงมา ใช้แบบงานปกติดูก่อนว่ายังเป็นปัญหาอยู่อีกหรือเปล่า ถ้าใน bios มีระบบดูความร้อนของ CPU หรือ Main Board อยู่ด้วยให้สังเกตค่าของ อุณหภูมิ ว่าสูงเกินไปหรือเปล่า ทั้งนี้อาจจะทำการเพิ่มการติดตั้งหรือเปลี่ยนพัดลมของ CPU ช่วยด้วยก็ดี
• มีข้อความ BIOS ROM CHECK SUM ERROR ตอนเปิดเครื่อง อาการนี้ส่วนใหญ่เกิดจากถ่านของ BIOS หมดหรือเกิดการหลวมครับ ให้ลองขยับถ่านให้แน่น ๆ ดูก่อน ถ้าไม่หายก็ต้องลองเปลี่ยนถ่านบนเมนบอร์ดดู (ก่อนเปลี่ยนถ้ามี Meter วัดไฟดูก่อนก็ดี) หลังจากเปลี่ยนแล้วให้ทำการ Clear BIOS Jumper ก่อนด้วย จะเป็น Jumper ใกล้ ๆ กับ IC BIOS นั่นแหละ ทำการ Jump ค้างไว้สัก 5 วินาทีแล้วก็ Jump กลับที่เดิมก่อน หลังจากนั้นต้องเข้าไปตั้งค่าต่าง ๆ ของ BIOS ใหม่ด้วย
• ลืม Password ของ BIOS จะทำยังไงดี ให้ทำการถอดถ่านของ BIOS ออกสักครู่ แล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ ทำการ Clear Jumper BIOS ก่อนด้วย หรือลองดูวิธีการ Clear/Reset Password ของ BIOS
• ซื้อฮาร์ดดิสก์มาขนาดใหญ่ ๆ แต่หลังจากทำการ Format แล้วเครื่องมองเห็นแค่ 2G อย่างแรกให้ดูก่อนเลยว่า ใช้ระบบ FAT16 หรือ FAT32 ถ้าหากเป็น FAT16 จะมองเห็นได้สูงสุดแค่ 2G ต่อ 1 Partition เท่านั้น ต้องใช้แบบ FAT32 ครับ วิธีการคือใช้ FDISK ของแผ่น Startup Disk WIN98 มาทำ FDISK (ถ้าเป็น FDISK จาก DOS หรือ WIN95 จะเป็นแบบ FAT16) ดูวิธีการทำ fdisk และ การ format ฮาร์ดดิสก์ ที่นี่
• ไม่สามารถใช้งาน ฮาร์ดดิสก์ได้มากกว่า 8G. สำหรับเมนบอร์ดรุ่นเก่า ๆเกิดจากที่ BIOS ไม่สามารถรู้จักกับ ฮาร์ดดิสก์ที่มีขนาดใหญ่ ๆ ได้ จะเป็นกับเมนบอร์ดรุ่นเก่า ๆ ที่เคยพบมาอีกแบบคือ Windows มองเห็นเกิน 8G แต่ไม่สามารถใช้งานได้ จะบอกว่าฮาร์ดดิสก์ของเราเต็ม วิธีแก้ไขอย่างแรกคือ ให้ลองทำการ Update BIOS เป็น Version ใหม่ดูก่อน (ถ้าหาได้) หรือไม่ก็หา Download โปรแกรมสำหรับจัดการพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ จากเวปไซต์ของผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ยี่ห้อนั้น ๆ หรืออาจจะใช้วิธีการแบ่ง Partition ให้มีขนาดใหญ่ไม่เกิน 8G ต่อ 1 Partition ก็อาจจะช่วยได้
ปัญหาของ ซอฟต์แวร์
• หลังจากลงโปรแกรมป้องกันไวรัส McAfee 4.0.3 แล้วไม่สามารถบูทเข้า Windows ได้เท่าที่พบจะเกิดกับบางเครื่องเท่านั้น ปัญหาเกิดจากหลังจากที่เราติดตั้ง McAfee ลงไปแล้ว เครื่องจะทำการ Scan ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์โดยใส่เป็น Batch File ไว้ในไฟล์ autoexec.bat ซึ่งบางครั้งจะเป็นปัญหาทำให้ค้าง ไม่ยอมเข้า Windows ต่อไป วิธีแก้ไขคือ ให้เปิดเครื่องเข้าใน MS-DOS Mode โดยกดปุ่ม F8 ค้างไว้ขณะเปิดเครื่อง จะเข้ามาที่เมนู Microsoft Windows 98 Startup Menu เลือกข้อ 6. sefe mode command prompt only แล้วใช้คำสั่ง "edit autoexec.bat" เพื่อแก้ไขไฟล์โดยให้ลบบรรทัดที่มีคำสั่ง scan.exe ออกครับ ทำการ save file แล้วทดลองบูทเครื่องใหม่อีกครั้ง
• พิมพ์หน้า Web Page ออกเครื่องพิมพ์แบบ Ink Jet เป็นภาษาไทยไม่ได้ จะมีแต่ภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ ปัญหานี้จะเกิดกับการใช้เครื่องพิมพ์แบบ อิงค์เจ็ท รุ่นใหม่ ๆ วิธีแก้ไขคือ ให้ลองหา Download Driver รุ่นใหม่ ๆ ของเครื่องพิมพ์จาก Web Site ของเครื่องพิมพ์นั้น ๆ เพราะบางครั้งอาจจะมีการแก้ไขปัญหานี้แล้ว หรือไม่ก็ใช้วิธีเข้าไปตั้งค่า Regional Settings ที่ Control Panel เป็น English(USA) ก่อน เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วก็เปลี่ยนกลับมาเป็น Thai เหมือนเดิม การตั้งค่าก็ทำโดยกดที่ Start เมนู >> Settings >> Control Panel เลือกที่ Regional Settings เปลี่ยนเป็น English(USA)
• สั่ง Defrag Hard Disk แล้วไม่ยอมเสร็จ จะกลับมาเริ่มต้นใหม่ วนแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ สาเหตุเกิดจากมีโปรแกรมบางตัวทำงานอยู่ในเวลานั้นด้วยและสั่งเขียนข้อมูลลงบนฮาร์ดดิสก์ เช่น Screen Saver, Winamp หรือพวก Anti Virus บางตัว ให้ทำการปิดโปรแกรมเหล่านี้ให้หมดก่อน หรืออาจจะใช้วิธีเข้า Windows ใน Self Mode (กด F8 ตอนเปิดเครื่องแล้วเลือก Self Mode)
• ใช้การ์ดจอของ TNT แล้วเมื่อพิมพ์ข้อความต่าง ๆ สระบนล่างไม่ยอมขึ้นมาทันทีต้องพิมพ์ตัวต่อไปก่อนจึงจะเห็น เป็นปัญหาที่พบบ่อยมาก ๆ กับผู้ที่ใช้การ์ดจอของ TNT ครับให้ลองหา Driver รุ่นใหม่ ๆ จากเวปไซต์ของผู้ผลิตการ์ดจอมาใช้ จะแก้ไขได้หรือใช้ Driver ของ Detonator Version 3.65 ขึ้นไป หาได้จาก http://www.3dchipset.com
โปรแกรม Photoscape
โปรแกรม Photoscape เป็นโปรแกรมแต่งภาพที่มีรูปแบบการใช้งานที่ง่ายและมีเครื่องมือครบครัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแต่งภาพของตัวเองให้สวยงามแถมยังเป็นโปรแกรมฟรีอีกด้วยครับ เป็นโปรแกรมขนาดเล็กไม่กินทรัพยากรของเครื่องเหมือน Photoshop ลองมาดูแต่ละเมนูกันนะครับ ว่ามีอะไรบ้าง นี่ก็เป็นตัวอย่างหน้าตาโปรแกรม PhotoScape นะ
- Viewer: ใช้สำหรับดูไฟล์ภาพ หรือทำสไล์ดโชว์ได้
- Editor: ในส่วนนี้ของโปรแกรม Photoscape นั้นมีเครื่องมือในการแต่งภาพ แก้ไขภาพมากมาย เช่น ลดขนาดภาพ, ปรับแสง สี, ใส่ effect , ใส่กรอบ, ตัดภาพ และอื่นๆอีกมากมาย
- Batch editor: เป็นการแก้ไขภาพแบบกลุ่มสามารถทำการแก้ไขภาพหลายๆภาพโดยคลิ๊กเดียว จากเมนูนี้ Page: โปรแกรม Photoscape นี้ยังสามารถนำเอารูปภาพหลายๆ รูปภาพมารวมเป็นรูปเดียวได้ครับ มีรูปแบบมากมาย
- Combine: การรวมภาพหลายๆ ภาพทั้งในแนวตั้งและแนวนอน
- Animated GIF: สามารถทำภาพเคลื่อนไหวแบบ Gif animation ได้จากตัวโปรแกรม Photoscape นี้ด้วยนะ
- Print: โปรแกรม Photoscape มีฟังก์ชัน และรูปแบบในการพิมพ์ที่ง่าย แบบฟอร์มมาตรฐาน และแบบกำหนดเองได้
- Screen Capture: สามารถถ่ายรูปหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเราได้จาก โปรแกรม Photoscape นี้ได้เหมือนกัน
- Color Picker: สามารถหาค่าของสีได้จากเมนูนี้ ซึ่งจะจับสีที่เราเลือกจากรูปได้
- Rename: เปลี่ยนชื่อไฟล์รูปของเราแบบกลุ่ม
- Raw Converter: แปลงไฟล์ RAW มาเป็นไฟล์ภาพ JPG ครับดาวน์โหลดโปรแกรมได้ที่นี่>> DOWNLOAD <<หลังจากที่ได้ทำการเขียนเรื่อง แต่งภาพสวยด้วยโปรแกรม Photoscape แล้ว ตอนนี้เรามาทำความรู้จักกับโปรแกรม Photoscape ให้มากขึ้นกันอีก โดยจะทำเมนูแสดงรายละเอียดต่างๆ ของโปรแกรม Photoscape จากการใช้งานจริง ซึ่งหวังว่าทุกท่านที่ได้เข้าชม จะได้รู้จักกับโปรแกรม Photoscape มากยิ่งขึ้น และสามารถทำการใช้งานโปรแกรม Photoscape นี้ได้อย่างมืออาชีพอีกด้วย
วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
ติดตั้งระบบเพื่อการเขียนโปรแกรมด้วย OpenGL กับ C/C++ บน Windows
Visual C++ 2008 Express Edition
สำหรับ Visual C++ นั้นเป็น IDE ภาษา C/C++ บน Windows ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เวอร์ชันล่าสุดนีคือเวอร์ชัน 2008 โดยจะมี Express Edition ซึ่งสามารถโหลดมาใช้งานได้ฟรี มาดูวิธีการเซ็ตให้สามารถใช้ OpenGL/GLUT ได้กันครับ
ดาวน์โหลดไฟล์ GLUT 3.76 & freeglut 2.4.0 for VC++ 2008 นี้ไปครับ เป็นไฟล์ header และ libraryของ GLUT และ freeglut สำหรับ Visual C++ 2008 โดยเฉพาะแตกไฟล์ออกมา แล้วดับเบิลคลิกที่ไฟล์ install.bat โดยแบทช์ไฟล์ตัวนี้จะทำหน้าที่ในการ copy ไฟล์ glut.h ไปไว้ในโฟลเดอร์ include ของ VC++, copy ไฟล์ glut32.lib ไปไว้ในโฟลเดอร์ lib ของ VC++ และ copy ไฟล์ glut32.dll ไปไว้ในโฟลเดอร์ system32 ของ Windows ส่วนที่เหลือก็จะเป็นการ copy ไฟล์ header และ library ของ freeglut เสร็จเรียบร้อยแล้ว ลองสร้างโปรเจ็คใหม่ ชนิด Win32 Console Application เขียนโค้ดเรียกใช้ GLUT ใช้โค้ดของไฟล์ hello.c ในบทความที่แล้วก็ได้ครับ ลองคอมไพล์และรันดูว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า
Code::Blocks
มาดูวิธีการสำหรับ Code::Blocks กันบ้าง ตัวนี้เป็น IDE ที่มีข้อดีตรงที่ขนาดเล็ก ใช้ทรัพยากรเครื่องไม่มาก และเป็นโปรแกรม Open Source ใช้งานได้ฟรี 100% ครับ ดาวน์โหลดมาใช้ได้ที่เว็บของ Code::Blocks เลือกโหลดเอาไฟล์ ที่มี MinGW มาด้วย จากนั้นก็นำมาติดตั้งไปตามปกติ
ดาวน์โหลดไฟล์ glut-3.7.6-bin.zip จากเว็บของ Nate Robins มาแล้วแตกไฟล์ออกมา copy ไฟล์ glut.h เอาไปไว้ในโฟลเดอร์ include/GL ของ Code::Blocks ( ปกติอยู่ที่ C:\Program Files\CodeBlocks\MinGW\include\GL ) และ copy ไฟล์ glut32.dll เอาไปไว้ในโฟลเดอร์ system32 ของ Windows ( ปกติอยู่ที่ C:\Windows\system32 ) ก็เป็นอันเสร็จครับ
เปิด Code::Blocks มา คลิกที่ Create a new project คลิกที่ GLUT project แล้วคลิกปุ่ม Go
กำหนด project title เป็น glut-demo กำหนดตำแหน่งโฟลเดอร์ที่ใช้เก็บ project เอาไว้ที่โฟลเดอร์ไหนก็ได้ เช่น My Documents แล้วคลิก Next ไป
หน้าจอถัดมาเราจะต้องกำหนดตำแหน่งที่มี header file และ library file ของ GLUT อยู่ ให้คลิกที่ปุ่มสี่เหลีียมที่อยู่ท้ายช่อง เพื่อ Browse หาโฟลเดอร์ที่ต้องการ ให้เลือกไปที่โฟลเดอร์ของ MinGW ( ปกติอยู่ที่ C:\Program Files\CodeBlocks\MinGW ) แล้วคลิก Next
ถัดไปก็เป็นการกำหนดโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ binary จากการ make ก็ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร คลิก Next ไป ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
แต่เราต้องแก้โค้ดโปรแกรมตัวอย่างกันเล็กน้อย ถึงจะคอมไพล์ได้ โดยการแทรกบรรทัดด้านล่าง เอาไว้ก่อนบรรทัด #ifdef __APPLE__
เสร็จแล้วลองคอมไพล์และรันโดยการกด F9 ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด โปรแกรมตัวอย่างก็จะรันได้ และเราก็สามารถเขียนโปรแกรมของเราเองจากโปรแกรมตัวอย่างนี้ได้เลย
เรายังสามารถสร้าง project ที่เรียกใช้ OpenGL ควบคู่กับ Win32 API ได้ (ไม่ใช้ GLUT) โดยในหน้าจอ New from template นั้นให้เลือก OpenGL project แทนการเลือก GLUT project
Open GL คืออะไร
โอเพนจีแอล (OpenGL, เป็นตัวย่อของคำว่า Open Graphics Library) เป็นไลบรารีหรือคลังโปรแกรม(หรือชุดคำสั่ง) ด้านกราฟิกสามมิติ เพื่อส่งคำสั่งควบคุมการวาดภาพไปยังอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์การประมวลผลภาพ โอเพนจีแอลสามารถใช้ได้ใน หลายระบบคอมพิวเตอร์ ในการเขียนโปรแกรมด้านคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ โดยในคลังโปรแกรมจะมีชุดคำสั่งมีมากกว่า 250 ช่วยในการสร้างวัตถุ แปลงวัตถุ และสร้างภาพโดยให้แสงและเงา โดยเริ่มจากการกำหนดรูปทรงพื้นฐาน เช่น สี่เหลี่ยมลูกบาศก์หรือทรงกลม โอเพนจีแอลเป็นที่นิยมมากในอุตสาหกรรมผลิตแอนิเมชันวีดีโอเกม โดยในขณะเดียวกันก็เป็นคู่แข่งทางการค้ากับไดเร็กท์ทรีดี ( Direct3D) ของบริษัทไมโครซอฟท์) นอกจากการพัฒนาเพื่อวีดีโอเกมโอเพนจีแอลยังใช้ในทางด้านอื่นๆ รวมถึงการ การประมวลผลภาพ งานจำลองการทดลองเชิงวิทยาศาสตร์ และ การทำให้เห็นภาพของสารสนเทศ
ประวัติ
โอเพนจีแอล พัฒนาโดยบริษัท ซิลิกอนกราฟิก-SGI เพื่อเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการใช้งานคลังโปรแกรมโดยไม่ยึดติดกับแพลตฟอร์ม หรือระบบ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) โอเพนจีแอลได้พัฒนาภายใต้ข้อตกลงของคณะกรรมการทบทวนสถาปัตยกรรมโอเพนจีแอล หรือ โอเพนจีแอล เออาร์บี (OpenGL Architecture Review Board:ARB) ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมถึงองคืกร อย่าง เอทีไอ คอมแพค อีวานซูเธอร์แลนด์ ฮิวเลต-แพคการ์ด ไอบีเอ็ม อินเทล อินเตอร์กราฟ เอ็นวิเดียไมโครซอฟท์ และ ซิลิกอนกราฟิกส์
ชุดคำสั่งใน โอเพนจีแอลเป็นมาตรฐานเดียวกันที่สามารถใช้ได้ทั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และ สถานีงานกราฟิกส์ขั้นสูง (high-end graphics workstation) ในระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขชุดคำสั่งแต่อย่างใด (Write once, run anywhare)
ตัวอย่างชุดคำสั่งของโอเพนจีแอล
สร้างสามเหลี่ยมที่มี สีแดง เขียว และ น้ำเงิน
glBegin (GL_TRIANGLES) ;
glNormal3f ( 0.0, 1.0, 0.0) ;
glColor3f ( 1.0, 0.0, 0.0) ; glVertex3f ( 0.0, 0.0, -1.0) ;
glColor3f ( 0.0, 1.0, 0.0) ; glVertex3f ( 1.0, 0.0, 0.0) ;
glColor3f ( 0.0, 0.0, 1.0) ; glVertex3f ( 0.0, 0.0, 1.0) ;
glEnd () ;
วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
Blue Screen ปัญหาและวิธีการแก้ไข
มาเริ่มต้นกันเลย
1.(stop code 0X000000BE)Attempted Write To Readonly Memoryสาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้เกิดจากการลง driver หรือ โปรแกรม หรือ service ที่ผิดพลาด เช่น ไฟล์บางไฟล์เสีย ไดร์เวอร์คนละรุ่นกัน ทางแก้ไขให้ uninstall โปรแกรมตัวที่ลงก่อนที่จะเกิดปัญหานี้ ถ้าเป็นไดร์เวอร์ก็ให้ทำการ roll back ไดร์เวอร์ตัวเก่ามาใช้ หรือ หาไดร์เวอร์ที่ล่าสุดมาลง (กรณีที่มีใหม่กว่า) ถ้าเป็นพวก service ต่างๆที่เราเปิดก่อนเกิดปัญหาก็ให้ทำการปิด หรือ disable ซะ
2.(stop code 0X000000C2) Bad Pool Callerสาเหตุและแนวทางแก้ไข:ตัวนี้จะคล้ายกับตัวข้างบน แต่เน้นที่พวก hardware คือเกิดจากอัฟเกรดเครื่องพวก Hardware ต่าง เช่น ram ,harddisk การ์ดต่างๆ ไม่ compatible กับ XP ทางแก้ไขก็ให้เอาอุปกรณ์ที่อัฟเกรดออก ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ให้ลงไดร์เวอร์ หรือ อัฟเดท firmware ของอุปกรณ์นั้นใหม่ และคำเตือนสำหรับการจะอัฟเดท ให้ปิด anti-virus ด้วยนะครับ เดียวมันจะยุ่งเพราะพวกโปรแกรม anti-virus มันจะมองว่าเป็นไวรัส
3.(stop code 0X0000002E) Data Bus Errorสาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้เกิดจากการส่งข้อมูลที่เรียกว่า BUS ของฮาร์แวร์เสียหาย ซึ่งได้แก่ ระบบแรม ,Cache L2 ของซีพียู , เมมโมรีของการ์ดจอ, ฮาร์ดดิสก์ทำงานหนักถึงขั้น error (ร้อนเกินไป) และเมนบอร์ดเสีย
4.(stop code 0X000000D1)Driver IRQL Not Less Or Equalสาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการไดร์เวอร์กับ IRQ(Interrupt Request ) ไม่ตรงกัน การแก้ไขก็เหมือนกับ error ข้อที่ 1
5. (stop code 0X0000009F)Driver Power State Failureสาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้เกิดจาก ระบบการจัดการด้านพลังงานกับไดรเวอร์ หรือ service ขัดแย้งกัน เมื่อคุณให้คอมทำงานแบบ"Hibernate" แนวทางแก้ไข ถ้าวินโดวส์แจ้ง error ไดร์เวอร์หรือ service ตัวไหนก็ให้ uninstall ตัวนั้น หรือจะใช้วิธี Rollback driver หรือ ปิดระบบจัดการพลังงานของวินโดวส์ซะ
6.(stop code 0X000000CE) Driver Unloaded Without Cancelling Pending Operationsสาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการไดร์เวอร์ปิดตัวเองทั้งๆ ทีวินโดวส์ยังไม่ได้สั่ง การแก้ไขให้ทำเหมือนข้อ 1
7.(stop code 0X000000F2)Hardware Interrupt Stormสาเหตุและแนวทางแก้ไข: อาการที่เกิดจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น USB หรือ SCSI controller จัดตำแหน่งกับ IRQ ผิดพลาด สาเหตุจากไดร์เวอร์หรือ Firmware การแก้ไขเหมือนกับข้อ 1
8.(stop code 0X0000007B)Inaccessible Boot Deviceสาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้จะมักเจอตอนบูตวินโดวส์ จะมีข้อความบอกว่าไม่สามารถอ่านข้อมูลของไฟล์ระบบหรื อ Boot partitions ได้ ให้ตรวจฮาร์ดดิสก์ว่าปกติหรือไม่ สายแพหรือสายไฟที่เข้าฮาร์ดดิสก์หลุดหรือไม่ ถ้าปกติดีก็ให้ตรวจไฟล์ Boot.ini อาจจะเสีย หรือไม่ก็มีการทำงานแบบ Multi OS ให้ตรวจดูว่าที่ไฟล์นี้อาจเขียน Config ของ OS ขัดแย้งกันอีกกรณีหนึ่งที่เกิด error นี้ คือเกิดขณะ upgrade วินโดวส์ สาเหตุจากมีอุปกรณ์บางตัวไม่ Compatible ให้ลองเอาอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นหรือคิดว่ามีปัญหาออก เมื่อทำการ upgrade วินโดวส์ เรียบร้อย ค่อยเอาอุปกรณ์ที่มีปัญหาใส่กลับแล้วติดตั้งด้วยไดร์ เวอร์รุ่นล่าสุด
9. (stop code 0X0000007A) Kernel Data Inpage Errorสาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้เกิดมีปัญหากับระบบ virtual memory คือวินโดวส์ไม่สามารถอ่านหรือเขียนข้อมูลที่ swapfile ได้ สาเหตุอาจเกิดจากฮาร์ดดิสก์เกิด bad sector, เครื่องติดไวรัส, ระบบ SCSI ผิดพลาด, RAM เสีย หรือ เมนบอร์ดเสีย
10.(stop code 0X00000077)Kernel Stack Inpage Errorสาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการและสาเหตุเดียวกับข้อ 9
11.(stop code 0X0000001E)Kmode Exception Not Handledสาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้เกิดการทำงานที่ผิดพลาดของไดร์เวอร์ หรือ service กับ หน่วยความจำ และ IRQ ถ้ามีรายชื่อของไฟล์หรือ service แสดงออกมากับ error นี้ให้ทำการ uninstall โปรแกรมหรือทำการ Roll back ไดร์เวอร์ตัวนั้นถ้ามีการแจ้งว่า error ที่ไฟล์ win32k สาเหตุเกิดจาก การ control software ของบริษัทอื่นๆ (Third-party) ที่ไม่ใช้ของวินโดวส์ ซึ่งมักจะเกิดกับพวก Networking และ Wireless เป็นส่วนใหญ่Error นี้อาจจะเกิดสาเหตุอีกอย่าง นั้นคือการ run โปรแกรมต่างๆ แต่หน่วยความจำไม่เพียงพอ
12.(stop code 0X00000079)Mismatched Halสาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้เกิดการทำงานผิดพลาดของ Hardware Abstraction Layer (HAL) มาทำความเข้าใจกับเจ้า HAL ก่อน HAL มีหน้าที่เป็นตัวจัดระบบติดต่อระหว่างฮาร์ดแวร์กับซอ ฟท์แวร์ว่าแอปพลิเคชั่นตัวไหนวิ่งกับอุปกรณ์ตัวไหนให ้ถูกต้อง ยกตัวอย่าง คุณมีซอฟท์แวร์ที่ออกแบบไว้ใช้กับ Dual CPU มาใช้กับเมนบอร์ดที่เป็น Single CPU วินโดว์ก็จะไม่ทำงาน วิธีแก้คือ reinstall วินโดวส์ใหม่สาเหตุอีกประการการคือไฟล์ที่ชื่อ NToskrnl.exe หรือ Hal.dll หมดอายุหรือถูกแก้ไข ให้เอา Backup ไฟล์ หรือเอา original ไฟล์ที่คิดว่าไม่เสียหรือเวอร์ชั่นล่าสุดก๊อปปี้ทับไ ฟล์ที่เสีย
13.(stop code 0X0000003F)No More System PTEsสาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้เกิดจากระบบ Page Table Entries (PTEs) ทำงานโดย Virtual Memory Manager (VMM) ผิดพลาด ทำให้วินโดวส์ทำงานโดยไม่มี PTEs ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวินโดวส์ อาการนี้มักจะเกิดกับการที่คุณทำงานแบบ multi monitorsถ้าคุณเกิดปัญหานี้บ่อยครั้ง คุณสามารถปรับแต่ง PTEs ได้ใหม่ ดังนี้1. ให้เปิด Registry ขึ้นมาแก้ไข โดยไปที่ Start > Run แล้วพิมพ์คำสั่ง Regedit2. ไปตามคีย์นี้ HKEY_LOCAL_MACHINESYSTEMCurrentControlSetControlSe ssion ManagerMemory Management3. ให้ดูที่หน้าต่างขวามือ ดับคลิกที่ PagedPoolSize ให้ใส่ค่าเป็น 0 ที่ Value data และคลิก OK4. ดับเบิลคลิกที่ SystemPages ถ้าคุณใช้ระบบจอแบบ Multi Monitor ให้ใส่ค่า 36000 ที่ Value data หรือใส่ค่า 40000 ถ้าเครื่องคุณมี RAM128 MB และค่า 110000 ในกรณีที่เครื่องมี RAM เกินกว่า 128 MB แล้วคลิก OK รีสตาร์ทเครื่อง
14.(stop code 0X00000024) NTFS File Systemสาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้สาเหตุเกิดจากการรายงานผิดพลาดของ Ntfs.sys คือไดร์เวอร์ของ NTFS อ่านและเขียนข้อมูลผิดพลาด สาเหตูนี้รวมถึง การทำงานผิดพลาดของ controller ของ IDE หรือ SCSI เนื่องจากการทำงานของโปรแกรมสแกนไวรัส หรือ พื้นที่ของฮาร์ดดิสก์เสีย คุณๆสามารถทราบรายละเอียดของerror นี้ได้โดยให้เปิดดูที่ Event Viewer วิธีเปิดก็ให้ไปที่ start > run แล้วพิมพ์คำสั่ง eventvwr.msc เพื่อเปิดดู Log file ของการ error โดยให้ดูการ error ของ SCSI หรือ FASTFAT ในหมวด System หรือ Autochk ในหมวด Application
15.(stop code 0X00000050)Page Fault In Nonpaged Areaสาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้สาเหตุการจากการผิดพลาดของการเขียนข้อมูลในแ รม การแก้ไขก็ให้ทำความสะอาดขาแรมหรือลองสลับแรมดูหรือไ ม่ก็หาโปรแกรมที่ test แรมมาตรวจว่าแรมเสียหรือไม่
16.(stop code 0Xc0000221)Status Image Checksum Mismatchสาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้สาเหตุมาจาก swapfile เสียหายรวมถึงไดร์เวอร์ด้วย การแก้ไขก็เหมือนข้อ 15
17.(stop code 0X000000EA)Thread Stuck In Device Driverสาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการของ error นี้คือการทำงานของเครื่องจะทำงานในแบบวนซ้ำๆ กันไม่สิ้นสุด เช่นจะรีสตร์ทตลอด หรือแจ้งerror อะไรก็ได้ขึ้นมาไม่หยุด ปัญหานี้ สาเหตุอาจจะเกิดจาก Bug ของโปรแกรมหรือสาเหตุอื่นๆ เป็นร้อย การแก้ไขให้พยายามทำตามนี้1.ให้ดูที่ Power supply ของคุณว่าจ่ายกำลังไฟเพียงพอกับความต้องการของคอมคุณ หรือไม่ ให้ดูว่าในเครื่องคุณมีอุปกรณ์มากไปไม่เหมาะกับ Power supply ของคุณ ก็ให้เปลื่ยนตัวใหม่ให้กำลังมากขึ้น ปัญหานี้ผมเคยมีประสพการณ์แล้ว 2 ครั้ง คือ-1.1 ประสพการณ์ครั้งแรก เกิดจากคอมเครื่องที่สอง (ผมมีคอมตั้งโต๊อยู่ 2 เครื่อง ปัจจุบันใช้ Notebook ) สเปคหลักๆนะครับCPU:AMD Barton 2500 (210*11=2310)M/B:Abit A7NRam:1G Dual KingtonPowersupply: Enamax 465P-VEและอุปกรณ์ตกแต่งตรึม แรกๆเครื่องก็ดีโปรแกรมหรือเกมที่ว่าหนักๆมารับได้หม ด อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดอาการ error ตามข้อนี้ พยามยามแก้แล้วแก้อีก มันไม่หายสักที่ ก็บังเอิญไปเจอบทความของคุณ A-e-e แห่ง UnlimitPC ตามลิงค์นี้ http://www.unlimitpc.com/modules.php?name=Artical&pa=showpage&pid=19 ก็ลองดูที่ ฺBios ก็เป็นจริงอย่างคุณ A-e-e ว่าไว้ ก็ไม่รอช้าจัดการตามที่คุณ A-e-e สอน เรียบร้อยหายไม่มีอาการมากวนใจอีก ต้องขอบคุณ คุณ A-e-e มา ณ ที่นี่ด้วยครับ-1.2 ประสพการณ์ที่สอง เกิดกับคอมเครื่องแรก สเปคCPU:AMD T-Bred 1700 (166*11=1826)(Over clock ขึ้นสมอง)M/B:Soltek 75FRN2-RLRam:512MB Dual GeilPowersupply: Enamax 351P-VEและอุปกรณ์ตกแต่งตรึมเหมือนกัน เครื่องก็เหมือนเคยใช้ได้ไม่มีปัญหาอยู่ก็มี error แบบนี้อีก คราวนี้ไม่กลัวเข้าใจว่าคงเหมื่อนเครื่องที่แล้วตรวจ ที่ Bios ก็เป็นเหมือนเคยก็จัดการทำการแก้ไขเหมือนเคยที่แล้วม า ผลไม่หายครับเป็นอีก นั่งงมอยู่วันเต็มๆ ด้วยถอดชิ้นส่วนเครื่องทั้งหมดมาตรวจ ก็เจอปัญหาจนได้ก็คือ ตัว Capacitor ที่เมนบอร์ดตัวที่จ่ายไฟเลี้ยง CPU บวมมีขี้เกลือเกาะเต็มไปหมดที่เขียนมายาวก็เพื่อเล่าประสพการณ์จริงให้รู้เพื่อค ุณๆ อาจจะมีปัญหาเหมือนผมจะได้เป็นแนวทางแก้ไข2. ให้คุณดูที่การ์ดจอว่าได้ใช้ไดร์เวอร์ตัวล่าสุด ถ้าแนใจว่าใช้ตัวล่าสุดแล้วยังมีอาการ ก็ให้ทำการ Rollback ไดร์เวอร์ตัวก่อนที่จะเกิดปัญหา3. ตรวจดูการ์ดจอและเมนบอร์ดว่าเสียหรือไม่เช่น มีรอยไหม้, ลายวงจรขาด มีชิ้นสวนบางชิ้นหลุดจากตำแหน่งเดิม เป็นต้น4. ดูที่ Bios ว่าส่วนของ VGA slot เลือกโหมด 4x,8x ถูกตามสเปคของการ์ดหรือไม่5. เช็คดูที่ผู้ผลิดเมนบอร์ดว่ามีไดร์เวอร์ตัวใหม่หรือไ ม่ ถ้ามีให้โหลดลงใหม่ซะ6. ถ้าคุณมีการ์ดแลนหรือเมนบอร์ดของคุณมี on board อยู่ให้ disable ฟังก์ชั่น "PXE Resume/Remote Wake Up" โดยไปปิดที่ BIOS
18.(stop code 0X0000007F) unexpected Kernel Mode Trapสาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกับนัก Overclock (ผมก็คนหนึ่ง) เป็นอาการ RAM ส่งข้อมูลให้ CPU ไม่สัมพันธ์กันคือ CPU วิ่งเร็วเกินไป หรือร้อนเกินไปสาเหตุเกิดจากการ Overclock วิธีแก้ก็คือลด clock ลงมาให้เป็นปกติ หรือ หาทางระบายความร้อนจาก CPU ให้มากที่สุด
19. (stop code 0X000000ED)Unmountable Boot Volumeสาเหตุและแนวทางแก้ไขอาการที่วินโดวส์หาฮาร์ดดิสก์ไม่เจอ (ไม่ใช่ตัวบูตระบบ) ในกรณีที่คุณมีฮาร์ดดิสก์หลายตัว หนึงในนั้นคุณอาจใช้สายแพของฮาร์ดดิสก์ผิด เช่น ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ 33MB/secound ซึ่งต้องใช้สายแพ 40 pin แต่คุณเอาแบบ 80 pin ไปต่อแทน
รู้จักกับ Blue Screen of Death
วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552
ชื่อไวรัสบอกอะไรได้บ้าง
ตัวอย่างเช่น
W32.Klez.h@mm W32/Klez.h@MM WORM_KLEZ.H I-Worm.Klez.h เป็นต้น
บท ความนี้จะอธิบายถึงส่วนต่างๆ ของชื่อไวรัส เพื่อทำให้ผู้อ่านสามารถจำแนกแยกแยะประเภทของไวรัสจา กชื่อของไวรัส ความสามารถเด่นๆ ตลอดจนวิธีการแพร่กระจายตัวของไวรัสได้ส่วนประกอบของชื่อไวรัสนั้นแบ่งได้เป็นส่วนๆ ดังนี้
1. ส่วนแรกแสดงชื่อตระกูลของไวรัส (Family_Names)ส่วน ใหญ่จะตั้งตามชนิดของปัญหาที่ไวรัสก่อขึ้น หรือภาษาที่ใช้ในการพัฒนา เช่น เป็นม้าโทรจัน ถูกพัฒนาด้วย Visual Basic scripts หรือเป็นไวรัสที่รันบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 32 บิต เป็นต้น ซึ่งชื่อของตระกูลของไวรัสที่ค้นพบในปัจจุบัน
Family_Names
ความหมาย
WM ไวรัสที่เป็นมาโครของโปรแกรม Word
W97M ไวรัสที่เป็นมาโครของโปรแกรม Word 97
XM ไวรัสที่เป็นมาโครของโปรแกรม Excel
X97M ไวรัสที่เป็นมาโครของโปรแกรม Excel 97
W95 ไวรัสที่มีผลกระทบกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 95
W32/Win32 ไวรัสที่มีผลกระทบกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 32 บิต
WNT ไวรัสที่มีผลกระทบกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ NT 32 บิต
I-Worm/Worm หนอนอินเทอร์เน็ต
Trojan/Troj ม้าโทรจัน
VBS ไวรัสที่ถูกพัฒนาด้วย Visual Basic Script
AOL ม้าโทรจัน America Online
PWSTEAL ม้าโทรจันที่มีความสามารถในการขโมยรหัสผ่าน
Java ไวรัสที่ถูกพัฒนาด้วยภาษาจาวา
Linux ไวรัสที่มีผลกระทบกับระบบปฏิบัติการลินุกซ์
Palm ไวรัสที่มีผลกระทบกับระบบปฏิบัติการ Palm OS
Backdoor เปิดช่องให้ผู้บุกรุกเข้าถึงเครื่องได้
HILLW บ่งบอกว่าไวรัสถูกคอมไพล์ด้วยภาษาระดับสูง
2. ส่วนชื่อของไวรัส (Group_Name)เป็น ชื่อดั้งเดิมที่ผู้เขียนไวรัสเป็นคนตั้ง โดยปกติจะถูกแทรกไว้อยู่ในโค้ดของไวรัส และในส่วนนี้เองจะเอามาเรียกชื่อไวรัสเปรียบเสมือนเร ียกชื่อเล่น ตัวอย่างเช่น ชื่อของไวรัสคือ W32.Klez.h@mm และจะถูกเรียกว่า Klez.h เพื่อให้สั้นและกระชับขึ้น
3. ส่วนของ Variantราย ละเอียดส่วนนี้จะบอกว่าสายพันธุ์ของไวรัสชนิดนั้น ๆ มีการปรับปรุงสายพันธุ์จนมีความสามารถต่างจากสายพันธ ุ์เดิมที่มีอยู่ variant มี 2 ลักษณะคือ
* Major_Variants จะตามหลังส่วนชื่อของไวรัส เพื่อบ่งบอกว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่นหนอนชื่อ VBS.LoveLetter.A (A เป็น Major_Variant) แตกต่างจาก VBS.LoveLetterอย่างชัดเจน
* Minor_Variants ใช้บ่งบอกในกรณีที่แตกต่างกันนิดหน่อย ในบางครั้ง Minor_Variant เป็นตัวเลขที่บอกขนาดไฟล์ของไวรัส ตัวอย่างเช่น W32.Funlove.4099 หนอนชนิดนี้มีขนาด 4099 KB.
4. ส่วนท้าย (Tail) เป็นส่วนที่จะบอกว่าวิธีการแพร่กระจาย ประกอบด้วย
* @M หรือ @m บอกให้รู้ว่าไวรัสหรือหนอนชนิดนี้เป็น "mailer" ที่จะส่งตัวเองผ่านทางอี-เมล์เมื่อผู้ใช้ส่งอี-เมล์เท่านั้น
* @MM หรือ @mm บอกให้รู้ว่าไวรัสหรือหนอนชนิดนี้เป็น "mass-mailer" ที่จะส่งตัวเองผ่านทุกอี-เมล์แอดเดรสที่อยู่ในเมล์บอกซ์
ตัวอย่าง W32.HILLW.Lovgate.C@mm แสดงว่า
* อยู่ในตระกูลที่มีผลต่อระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 32 บิต และถูกคอมไพล์ด้วยภาษาระดับสูง
* ชื่อของไวรัสคือ Lovgate
* ที่มี variant คือ C
* มีความสามารถในการแพร่กระจายผ่านทางอี-เมล์โดยส่งไปยังทุกอี-เมล์แอดเดรสที่อยู่ในเมล์บอกซ์
จาก ส่วนประกอบของชื่อไวรัสที่ได้อธิบายไว้ข้างต้น จะเห็นได้ว่าชื่อของไวรัสนั้นสามารถบอกถึงประเภทของไ วรัส ชื่อดั้งเดิมของไวรัสที่ผู้เขียนไวรัสเป็นคนตั้ง สายพันธุ์ต่างๆ ของไวรัสที่ถูกพัฒนาต่อไป และวิธีการแพร่กระจายตัวของไวรัสเองด้วย
เรียบเรียงโดย : กิติศักดิ์ จิรวรรณกูล และ มนัชยา ชมธวัช