วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552

Error Code คืออะไร ???

บ่อยครั้งที่การใช้งานคอมพิวเตอร์อาจเกิดความผิดพลาดบางประการขึ้นมาซึ่งแสดงเป็นรหัสความผิดพลาด หรือ Error Code แต่ผู้ใช้อย่างเราๆ กลับไม่ทราบว่ามันหมายถึงอะไร วันนี้เราจึงมีตัวอย่าง 49 Error Code มาฝากกัน

ถ้าคุณใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์อยู่เป็นประจำละก็ เชื่อได้เลยว่าต้องเคยพบกับรายงานความผิดพลาดอย่าง Error 126, STOP: 0x0000007B(0xF741B84C,0xC0000034,0x00000000,0x00000000) หรือไม่ก็ Error 0x800a0099 ที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ “บลูสกรีน”

หรือแม้แต่แสดงผ่านแมสเสจ บ็อกซ์ ของวินโดวส์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะแจ้งว่าเกิดอะไรขึ้น และแนะนำให้คุณแก้ปัญหาเบื้องต้นนี้อย่างไร แต่เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะสนใจและอ่านรายงานความผิดพลาดจนจบ เมื่อเจอกับข้อความ Error เข้า ส่วนใหญ่ก็จะไล่ปิดหน้าต่างหนีไปซะเลย ทำให้ปัญหาเหล่านั้นยังคงค้างคาอยู่ในเครื่อง และรอวันที่จะสร้างความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์ของคุณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะส่วนของโปรแกรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในเครื่องของคุณอีกด้วย ที่อาจจะเริ่มทำงานผิดปกติ แต่ผู้ใช้กลับไม่รู้ตัว เพราะมีเพียงซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเท่านั้น ที่จะทราบถึงปัญหาความผิดปกติเล็กน้อยที่เริ่มก่อตัวขึ้น ดังนั้น ถ้าวันใดที่คุณพบ Error Code หรือรายงานความผิดพลาดแจ้งขึ้นมาอีก แนะนำให้ทำความเข้าใจกับมันก่อน คุณอาจจะจดเอาไว้ในกระดาษ แล้วค่อยไปค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ทีหลัง

Error Code ไม่หน้ากลัวอย่างที่คิด

การคิดไปล่วงหน้าเองว่า ตัวคุณจะรับมือกับความผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนคอมพิวเตอร์ และวินโดวส์โดยลำพังไม่ไหวนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นการยอมแพ้อะไรง่ายๆ ไปซักนิด เพราะถ้าคุณยังไม่ได้ลงมือทำ หรือแก้ปัญหาด้วยตนเองก็จะไม่รู้เลยว่า ทุกปัญหานั้นยังพอมีทางแก้ไข ถึงแม้บางทีจะไม่ได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ตามแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้คุณรักษาข้อมูลสำคัญเอาไว้ได้เช่นกัน

เมื่อวินโดวส์หรัสความผิดพลาดอย่าง Error Code หรือ Error Message ต่างๆขึ้นมาอย่าเพิ่งตกใจชัตดาวน์เครื่องแล้วหนีปัญหาไปนะครับ ถ้าเป็นหน้าจอบลูสกรีน แล้วมีตัวหนังสือเยอะๆ หรือตัวเลขฐาน 16 ที่คุณไม่รู้ความหมายนั้น ให้อ่านข้อมูลคร่าวๆ ที่เป็นการแจ้งความผิดพลาดก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นให้จด Error Code หรืออาจจะเป็น Error Message ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอลงในกระดาษ คุณอาจใช้กล้องดิจิตอลถ่ายภาพเอาไว้ เพื่อเก็บรายระเอียดต่างๆ ให้หมด การค้นหาคำตอบหรือความหมายของรหัสความผิดพลาดเหล่านั้นให้เริ่มต้นจาก Help ของวินโดวส์ก่อน ถ้าไม่พบข้อมูลที่ต้องการก็ให้ค้นหาจากเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูล เว็บไดเรกทอรีต่างๆโดยเฉพาะที่เว็บ http://support.microsoft.com นั้น เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดี ที่ควรเข้าไปใช้บริการบ่อยๆ เพราะเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์โดยตรง แต่บางที การค้นหาเอาตามเว็บบอร์ดไอทีต่างๆ อาจได้คำตอบเร็วกว่าที่คิด เพราะมีคนเข้าออกและผ่านเข้ามาตอบปัญหาให้เป็นจำนวนมาก

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

วิธีกู้ Windows XP แบบไม่ต้องลงใหม่

ถ้าวินโดวส์มีป้ญหาไม่สามารถบู๊ตขึ้นภาพ Windows XP คุณๆจะมีวิธีของตนเอง เช่น เอาไฟล์ที่ ghost ไว้มาใช้ แต่ก็ปัญหาคือ ไฟล์ที่ได้ไม่ใช่ข้อมูลปัจุบัน หรือ format ลงวินโดวส์ใหม่ชึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยต้องลงโปรแกรมใหม่เป็นสิบตัว ยังต้องเสียเวลา Crack อีก ข้อมูลที่คุณทำไว้ก็หายหมด เรามีวิธีการกู้แบบง่ายๆ ไปหาวิธีแบบยาก แล้วแต่เหตุการณ์ และสาเหตุ ซึ่งจะมีเทคนิคดังนี้

เทคนิคที่ 1 กู้แบบง่ายๆ
-สาเหตุ : ปกติคุณๆ มักชอบติดตั้งโปรแกรมใหม่ๆ เพิ่มเติม ผลปรากฎว่าเมื่อติดตั้งแล้วพอบู๊ตใหม่กลับบู๊ตไม่ขึ้ น สาเหตูอาจมาจากโปรแกรมที่ติดใหม่ ติดตั้งไฟล์ระบบตัวเก่าทับตัวใหม่ ทำให้วินโดวส์ไม่รู้จักไฟล์ระบบ เลยทำให้เกิดหน้าจอดำค้างไม่บู๊ตเข้าหน้าจอเดสก์ทอป

-วิธีแก้ไข : อาจจะใช้วิธี System Restore ใน Safe Mode โดยกดปุ่ม F8 ค้างไว้ ขณะบู๊ตเครื่องใหม่ แล้วเลือกไปที่หัวข้อ Safet Mode กู้วันที่ย้อนหลังครั้งล่าสุดที่ไม่ได้ติดตั้งโปรแกรม หรือจะให้สะดวกกว่านี้ก็ให้เลือกหัวข้อ "Last Know Good Configuration" ก็จะกู้ระบบครั้งล่าสุดให้ทันที ทำให้บู๊ตเข้าวินโดว์ส ได้ตามเดิม

เทคนิคที่ 2 ก๊อปปี้ไฟล์ระบบ 3 ตัวทับไฟล์ระบบเดิม
-สาเหตุ : ถ้าวินโดวส์ไม่บู๊ตหรือรันหน้าต่าง Start up...Windows XP เลย อาจเป็นที่ไฟล์ Boot Sector ของไฟล์ระบบเสีย หรือมีปัญหาขัดแย้งกับไฟล์ ntldr หรือ ntdetect.com ทำให้บู๊ตไม่ขึ้นภาพ

-วิธีแก้ไข : ให้ก๊อปปี้ไฟล์ระบบจากเครื่องอื่นที่ลง Windows XP เหมือนกันหรือคุณจะก๊อปปี้ไฟล์ระบบที่เครื่องคุณเอาไ ว้ก่อนที่เครื่องจะมีปัญหาก็ได้ ด้วยใช้คำสั่ง xcopy ผ่านโหมด command line โดยทำตามขั้นตอนดังนี้

1. ก๊อปปี้ 3 ไฟล์ข้างนี้ โดยใส่แผ่นเปล่า (1.44MB)ลงในไดรว์ a: เมื่อก๊อปปี้เสร็จเอาเก็บไว้ใช้ในขั้นตอนต่อไป



2.บู๊ตเครื่องใหม่ แล้วกดปุ่ม F8 ค้างไว้ เพื่อไปหน้าจอ Safe Mode

3.เอาแผ่นดิสก์ที่ทำไว้แล้วตามข้อ 1 ใส่ไปที่เครื่อง ออกไปที่ DOS Prompt แล้วพิมพ์คำสั่งก๊อปปี้ไฟล์ตามข้างล่างนี้


4.กดปุ่ม enter ตามหลังคำสั่ง

5. บู๊ตเครื่องใหม่อีกครั้ง ก็จะสามารถเข้าหน้าเดสก์ทอปของวินโดวส์ได้ตามเดิม

เทคนิคที่ 3 ซ่อมวินโดวส์ ด้วยแผ่นบู๊ต Boot CD Rom

-สาเหตุ : ปัญหานี้ส่วนใหญ่ สืบเนื่องจากการติดตั้ง Patch file ตัวใหม่ๆ แล้วไม่สามารถรองรับไฟล์ระบบของวินโดวส์หรือก็อปปี๊ไ ฟล์ .dll, .vdx, .inf ผิดเวอร์ชั่น หรือเผลอลบไฟล์ระบบบางตัว ก็เป็นสาเหตุได้ ฉะนั้นหากแก้ด้วยวิธีที 1,2 ไม่หาย ก็ต้องใช้วิธีที่ 3 ซ่อมแซมไฟล์ระบบใหม่ แทนที่จะเสียเวลาติดตั้งใหม่ วิธีนี้ก็จะช่วยย่นเวลาให้น้อยลง
-วิธีแก้ไข : เตรียมแผ่นบู๊ต CD Windows (แผ่นติดตั้งวินโดวส์) ใส่ใน CD-ROM แล้วบู๊ตเครื่องใหม่ จากนั้นทำตามขั้นตอนต่อไปนี้











1.เมื่อเข้าหน้าจอ Windows to Setup หน้าแรก ให้คุณกด Enter ผ่านขั้นตอนนี้ไป












2.จากนั้นก็จะเข้าหน้าจอ windows XP Lincesing Agreement หน้าที่สอง กดปุ่ม F8 เพื่อยอมรับการติดตั้งใหม่











3.เมื่อเข้าหน้าจอการติดตั้ง Windows XP Pro..Setup เลือกไดรฟ์ที่ติดตั้ง แล้วกดตัว R เพื่อซ่อมแซ่มไฟล์ที่สูญหายให้กลับคืนมาดังเดิม เมือเสร็จสิ้นการติดตั้งโปรแกรมต่างๆที่ติดตั้งไปก็ย ังคงใช้ได้เหมือนเดิมไม่ต้องติดตั้งใหม่ให้เสียเวลา

ปล. สำหรับผู้ที่ใช้ Harddisk แบบ SATA ในตอนบู๊ตแผ่นติดตั้ง Windows ให้กด F6 เพื่อติดตั้งไดรว์เวอร์ SATA ก่อนเข้าขั้นตอนที่ 1 ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้นวินโดวส์จะมองไม่เห็น Harddisk

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Bugs ในโปรแกรมต่างๆคืออะไร??

จากบั๊กตัวเล็กๆไม่กี่ตัว พัฒนาสู่บั๊กหลายตัว เดือดร้อนถึง Patch File เพื่อใช้ในการปะผุ จนกระทั่ง ServicesPack เป็นที่แน่ใจได้เลยว่าโปรแกรม ไร้บั๊ก เป็นแค่โปรแกรมในอุดมคติเท่านั้น และจะพิชิตบั๊กอย่างไรดี

ว่ากันด้วยเรื่องการปะผุ (Patch และ Services Pack) ว่ากันว่า บั๊ก (Bug) นั้นเกิดมาพร้อมกับโปรแกรมที่เขียนออกมาทีเดียว ยิ่งโปรแกรมซับซ้อนเท่าไร โอกาสที่จะมีบั๊กก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เรื่องของบั๊กตามที่ผมได้ฟังมานั้น มันเหมือนกับโจ๊กในวงการตลกของฝรั่งเขาแหละ สนุกแต่เศร้าเคล้าน้ำตา เรื่องมีอยู่ว่าสมัยที่คอมพิวเตอร์ยังมีขนาดเท่าห้องประชุมย่อมๆ และใช้หลอดสูญญากาศในการทำงาน (ยังไม่ถึงสมัยของทรานซิสเตอร์ ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงชิปหรือไอซี) มีวันหนึ่งวิศวกรก็สั่งให้คอมพิวเตอร์ดังกล่าวประมวลผล ปรากฎว่าสั่งอย่างไร มันก็ไม่ประมวลผล หรือประมวลผลออกไม่ตรงกับที่คาดหมาย คล้ายๆจะเบลอหรือสมองเสื่อม วิศวกรก็ค้นหากันใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคอมพิวเตอร์หรือชุดคำสั่งประมวลผล (โปรแกรม) หลังจากพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตรวจไม่พบ ในที่สุดวิศวกรคนหนึ่งก็เข้าไปดูในส่วนของฮาร์ดแวร์ และพบว่าแมลงตัวหนึ่งเกาะที่ขาหลอด ก็เลยจับเอาแมลงที่เกาะติดกับขาของหลอดสูญญากาศออกมา พร้อมกับตะโกนว่า บั๊ก บั๊ก พอจับเอาแมลงออกไปก็เป็นอันว่ารันโปรแกรมได้ตามปกติ ดังนั้นชื่อของบั๊ก อันแปลความหมายเป็นไทยว่าแมลง จึงถูกนำไปเรียกสาเหตุความผิดพลาดนาประการเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เกี่ยวกับบั๊กในยุคก่อนนั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ใคร่ได้รับความสนใจนัก เนื่องจากบั๊กนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือผลไม่เด่นชัด โปรแกรมสมัยก่อนไม่ซับซ้อน แต่ปัจจุบันบั๊กเป็นของแถมที่ให้มาฟรีเมื่อซื้อซอฟต์แวร์เลยทีเดียว สังเกตได้ว่าหากมีโปรแกรมใดๆออกมาใหม่ เมื่อผ่านไปได้สองสามเดือน ผู้ผลิตจะได้รับรายงานผลจากผู้ใช้งานว่า เกิดปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานซอฟต์แวร์ตรงนั้นตรงนี้ ทางผู้ผลิตก็จะเริ่มตรวจสอบและแก้ไขไปด้วย ซอฟต์แวร์ในระยะต่อมาก็จะเป็นชุดที่ได้รับการแก้ไขบั๊กดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว หรือหากมีการแก้ไขมากกว่าเดิม ผู้ผลิตก็มักจะเปลี่ยนชื่อเวอร์ชั่นหรือชื่อรุ่นไป เช่น ไมโครซอฟต์เวิร์ด 6.0 พอแก้บั๊กครั้งต่อๆไป ก็เป็น MS Word 6.0a , 6.0b , 6.0c แต่มาพอมาระยะหลัง ความซับซ้อนของซอฟต์แวร์มีมากขึ้น ประกอบกับการพัฒนาเทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์เป็นไปอย่างเร็วมากขึ้น จากการแก้บั๊กรุ่นอัปเกรดเวอร์ชั่น ก็ก้าวเข้าสู่ Services Pack ซึ่งหมายถึงชุดรวมของซอฟต์แวร์ที่ออกมาเพื่ออัปเดท ด้วยและแก้บั๊กที่เคยมีอยู่ด้วยพร้อมกันเลยทีเดียว

เกี่ยวกับซอฟต์แวร์แก้บั๊กนั้น เมื่อผู้ผลิตซอฟต์แวร์แก้ไขได้มากพอสมควร ก็จะนำเอาชุดโปรแกรมสำหรับแก้บั๊ก ซึ่งเรียกว่าเป็นชุดปะผุบ้าง อัปเดทบ้าง แจกผู้ใช้โดยไม่คิดมูลค่ากันเสียที (ก็เวลาบั๊กยังแจกฟรี เวลาแจกยากำจัดก็ควรจะแจกฟรีด้วยสิครับ) นี่คือที่มาของ Services Pack เช่น Windows 95 Services Pack 1 หรือ Windows NT 4.0 ซึ่งมีถึง Services Pack 3 เข้าไปแล้ว MS Office 7.0 ก็เช่นเดียวกันมีชุด Office Services Pack, PC Anywhere For 95 , Adobe Aldus Photoshop Services pack..คราวนี้ หลายๆคนเริ่มอาจถามว่า แล้วควรจะติดตั้ง Services Pack เหล่านั้นลงไปหรือไม่ คำตอบก็คือ ให้ตรวจสอบกับเอกสารก่อนว่า สิ่งที่เขาแก้ไขมานั้นเป็นส่วนที่ผู้ใช้เองประสบปัญหาอยู่หรือไม่ หากไม่เกี่ยวก็คงไม่ต้องติดตั้งชุดแก้บั๊กลงไปก็ได้ แต่ถ้าจะให้ปลอดภัยและมั่นใจเต็มร้อยละก็ติดตั้งลงไปจะดีกว่า เสียเวลานิดเดียวเอง ดีกว่าเสียใจภายหลัง

Services Pack สำคัญที่ผมเองแนะนำให้ติดตั้งเสมอ มีดังต่อไปนี้ Windows 95 Service Pack 1 (สำหรับวินโดวส์ 95 ภาษาไทยต้องติดตั้ง Services Pack Thai Edition) MS Office 95 Services Pack, Windows NT 4.0 Server. Services Pack. รวมไปถึง IOSUPD.EXE สำหรับแก้ไขปัญหา I/O Stream ของวินโดวส์ 95 ด้วย เท่าที่นึกได้ตอนนี้ก็มีเท่านี้แหละ

ข้อควรระวังเกี่ยวกับการติดตั้งชุด Services Pack ควรให้ความระมัดระวังเกี่ยวกับซอฟต์แวร์อะไรก็ตามที่มีชื่อลงท้ายว่า Thai Edition อันหมายความว่าเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทย ซึ่งถูกนำมาเปลี่ยนแปลงบางส่วนเพื่อให้ทำงานกับระบบภาษาไทยได้สมบูรณ์ การอัปเดทจะไม่สามารถนำเอา Services pack ที่เป็นภาษาอังกฤษมาติดตั้งได้ ปกติเวอร์ชั่นมาตรฐานของซอฟต์แวร์ต่างๆ คือเวอร์ชั่น ภาษาอังกฤษ ซึ่งมักมีชุด Services Pack หรือชุดแก้บักก่อนเวอร์ชั่นอื่นๆ

การอัพเดทไบออส หรือที่เรียกว่าการ Flash BIOS ก็เป็นการแก้บั๊กประการหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่รายละเอียดจะไม่นำมากล่าวไว้ที่นี้ เนื่องจากมีบทความแยกเฉพาะสำหรับ การอัพเดทไบออส โดยการ Flash แยกไว้ต่างหาก

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ลบไฟล์ไม่พึงประสงค์ด้วย ACDSee

เคยไหมเวลาที่คุณต้องการใช้ USB Drive แปลกปลอมซักอันนึงแต่ในขณะนั้นคุณไม่มีโปรแกรมป้องกันไวรัสติดอยู่ในเครื่อง หรือคอมพิวเตอร์ที่ทำงานมีการ Lock การตั้งค่าของ Windows ไว้จากผู้ดูแลระบบ

ตามปกติเวลาเราต้องการป้องกันตัวเองจากการนำ USB Drive มาใช้โดยไม่ให้ติดไวรัสเรามักจะใช้วิธีดังนี้

1.Scan ไวรัสโดยโปรแกรม Anti Virus วิธีนี้จะยังทำให้ตัว USB Drive เหลือไฟล์ขยะอยู่ก็คือautorun.inf ต้องใช้วิธีที่สองตามไปลบอีกทีนึง

2.วิธีธรรมดาๆก็ใช้วิธี เซทให้ Windows แสดงไฟล์ที่ซ่อนอยู่ และ System file ออกมาแล้วเลือกลบไฟล์แปลกปลอมออกไป (Set: Menu Bar/Tools/Folder Option/View/แล้วตั้งค่าตามรูป)


















แล้วถ้าคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ถูก Lock การตั้งค่าของ Windows จาก Administrator แบบนี้ก็ลบออกไม่ได้
ดังนั้นเรามีทิปเล็กๆให้ใช้กันดู วิธีที่เราจะใช้คือใช้โปรแกรม ACDSee ลบไฟล์ที่ซ่อนอยู่ใน USB Drive ออกไป ตามขั้นตอนดังนี้

1.เสียบ USB Drive ที่ต้องการใช้













2.พอเครื่องเจอแล้วก็คลิ๊กขวาที่ USB Drive แล้วเลือก Browse with ACDSee










3.พอเลือกเปิดจาก ACDSee ปุ๊ปโป๊ะเช๊ะ มีไวรัสอยู่จริงๆด้วย

4.ก็กดปุ่ม Delete ลบมันออกไปเลยทั้งสองไฟล์ killvbs.vb กับ autorun.inf
5.จบค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าไวรัสจะมาติดเครื่องหรือจะมีไฟล์แปลกปลอมอยู่ใน USB Drive อีกแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ทำความสะอาด Windows กันซักนิด ด้วย Microsoft’s OneCare

คุณอาจจะเคยใช้โปรแกรมบางตัวมาช่วยแก้ไข หรือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์ของคุณ ถ้าย้อนไปในยุค 90 เราค้นพบโปรแกรมที่ชื่อว่า Norton Utilities ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์ของเราได้มากในเวลานั้น หลังจากนั้นต่อมาก็มีโปรแกรมอื่นๆ อีกมากมายที่ผลิตออกมาสู่ตลาด และทางด้าน Microsoft เองก็ไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามาร่วมวงในตลาดนี้


แต่ในขณะนี้ดูเหมือน่วา Microsoft จะตัดสินใจที่จะเข้าสู่ตลาดนี้ แถมให้บริการแบบฟรีเสียด้วย นั่นคือเจ้าตัว service ที่เรียกว่า OneCare นั่นเอง คุณสามารถไปดูรายละเอียดได้ที่ http://safety.live.com/

OneCare เป็นบริการฟรีจากทาง Microsoft ที่คุณสามารถขอใช้บริการได้ถ้าคุณใช้ XP หรือ Vista ที่เป็นของแท้…ย้ำว่าของแท้เท่านั้น…ซึ่งการทำงานของ OneCare รวม ๆ แล้วคือการไปทำความสะอาดเครื่องของคุณ มันไม่ใช่แค่มองหา และลบพวก spyware และ virus เท่านั้น แต่มันจะทำการตรวจสอบ registry mis-configuration, error ต่าง ๆ, และปัญหาของระบบต่าง ๆ เช่น fragmentation เป็นต้น

OneCare ยังช่วยตรวจสอบระบบ firewall และ antivirus บนเครื่องของคุณด้วย หากคุณไม่แน่ใจกับประสิทธิภาพของ OneCare ก็ไม่ต้องกลัว เพราะโปรแกรมตัวนี้มีระบบ un-doable หรือยกเลิกสิ่งที่ทำไปแล้วได้ ไม่ว่าคุณจะให้มันทำอะไรสุดท้ายแล้วถ้าคุณไม่พอใช้ก็แค่ un-do มันก็เท่านั้น ซึ่งการ un-do นี้จะต้องทำผ่าน restore point ดังนั้นคุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ทำ restore point ไว้ก่อนที่จะเริ่มใช้ OneCare

การใช้งาน OneCare นั้นคุณจะต้องใช้ผ่าน Internet Explorer เท่านั้น
























เมื่ออยู่ที่หน้าจอดังภาพข้างบนให้คุณคลิ๊กที่ปุ่ม Full Service Scan เพื่อเริ่มการทำงาน หรือคุณอาจอยากจะลอง version beta ซึ่งเป็น version ทดลองก็สามารถทำได้ เพียงคลิ๊กที่ link สีฟ้าที่เขียนว่า “beta edition” เท่านั้น

เมื่อคลิ๊กปุ่ม Full Service Scan มันจะเริ่ม download ตัว tool ที่ใช้ในการ scan เครื่องของคุณทันที โดยจะมี pop-up window ขึ้นมาถามความสมัครใจในการ download




















เมื่อทำการ download เสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณจะพบกับหน้าจอดังรูปข้างล่างนี้





















ให้คุณเลือกระหว่าง Complete Scan กับ Quick Scan

หากคุณเลือก Complete Scan - ระบบจะใช้เวลาในการทำงานนานกว่า แต่จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ พร้อมทั้งแก้ไขสิ่งต่าง ๆ บนระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ อย่างไรก็ตามก็จะทำการ Complate Scan ให้คุณแน่ใจก่อนว่า internet ของคุณนั้นมี security ที่ดี หากคุณมีข้อสงสัยประการใดก็สามารถคลิ๊กที่ link สีฟ้าในรูปที่เขียนว่า “Help Me Choose”

หลังจากที่คุณเลือกรูปแบบในการ scan แล้วโปรแกรมจะทำการ download ตัว scanning tool เข้ามา


















จากนั้นโปรแกรมจะเริ่มตั้งค่าเริ่มต้น(initializing) เพื่อทำการ scan เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ






















เมื่อโปรแกรมเริ่มทำการ scan เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ คุณจะต้องให้เวลากับมันซักหน่อย เพราะการ scan เครื่องของคุณโดยละเอียดหรือ Complete Scan นั้นอาจจะต้องใช้เวลาตั้งแต่ 5 ชั่วโมงขึ้นไป อย่างไรก็ตามในบางครั้งก็อาจจะใช้แค่ 20 นาทีได้เหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นอยู่กับว่าระบบต่าง ๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณมันรกรุงรังแค่ไหน




















เมื่อ OneCare เสร็จสิ้นการทำงานโปรแกรมจะรายงานผลให้คุณทราบ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล virus ต่าง ๆ ที่พบ และข้อมูลการกำจัด virus เหล่า




















ลองไปใช้กันดูนะคะ สำหรับ OneCare คิดว่ามันทำงานได้ดีเป็นที่น่าพอใจมาก

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552

6 สัญญาณอันตราย ฮาร์ดดิสก์ใกล้ตาย

ฮาร์ดดิสก์ใกล้ตาย ว่ากันว่าผู้ใช้บางท่านรู้สึกแย่มากๆ ที่อยู่ดีๆ ฮาร์ดดิสก์สุดที่รักก็จากไปอย่างไม่หวนคืน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นมันมีสัญญาณเตือนให้ทราบอยู่ตลอดเวลา แต่ก็หาได้สังเกตไม่ ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็จะไม่มีนิสัยรักการแบ็คอัพ ประเภทรักเดียวใจเดียวไม่สำรองข้อมูลไว้ที่อื่นกันบ้างเลย ประเด็นที่อยากจะเตือนผู้ใช้ก็คือ อย่ามั่นใจเทคโนโลยีมากเกินไป ควรสังเกตสังกามันบ้าง ต่อไปนี้คือ ลางบอกเหตุสำหรับฮาร์ดดิสก์ที่ใกล้ตาย ซึ่งมีอยู่ 6 ข้อด้วยกัน อ่านทิปนี้จบแล้วลองพิจารณาดูด้วยนะครับว่า ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้อยู่มีอาการตามนี้บ้าง หรือไม่

1. LED แสดงสถานะการทำงานของฮาร์ดดิสก์ไม่ยอมดับ แม้มันจะฟังดูเกินเหตุ เนื่องจากบางทีมันอาจจะมาจาก LED มีปัญหาก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว การที่ LED แสดงสถานะการทำงานของฮาร์ดดิสก์สว่างอยู่ตลอดเวลา ค่อนข้างจะชัดเจนว่า มันมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ โดยเฉพาะการทำงานของฮาร์ดดิสก์ และยิ่งปล่อยเนิ่นนานไป ปัญหาจะลุกลามไปจนแก้ไม่ได้ในที่สุด


2. ฮาร์ดดิสก์ใช้เวลานานกว่าจะพร้อมทำงาน ฮาร์ดดิสก์ของคุณใช้เวลาในการบู๊ตนานเกินไป หรือเปล่า? จริงอยู่ที่มันอาจจากการที่ต้องโหลดโปรแกรมเริ่มต้นการทำงานหลายตัว แต่ถึงนั้นก็เถอะ ถ้ามันใช้เวลาเกินกว่าสองนาทีก็ถือว่า มีพิรุธแล้ว เพราะนั่นอาจเกิดจากการอ่าน หรือเขียนข้อความที่ผิดพลาดบนฮาร์ดดิสก์อยู่ก็ได้


3. ฮาร์ดดิสก์ไม่สามารถหา File Table ได้ ถ้าฮาร์ดดิสก์ไม่สามารถหา Windows Master File Table (MFT) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังเกิดการล่มของการทำงานอย่างไม่คาดฝัน กรณีนี้แทบจะเรียกได้ว่า ฮาร์ดดิสก์ของคุณเข้าขั้นโคม่าเต็มทีแล้ว


4. CHKDSK แสดงเซคเตอร์เสีย (bad sector) Bad sector คือความจริงของชีวิต การที่ยูทิลิตี้แสดงว่า ฮาร์ดดิสก์ของคุณมี bad sector นั่นหมายความว่า ความเสื่อมสภาพกำลังคืบคลานเข้ามาสู่ฮาร์ดดิสก์ของคุณทีละก้าวๆ แม้มันจะช้ามาก แต่เป็นสัญญาณเตือนที่คอยบอกคุณว่า ความหายนะกำลังใกล้เข้ามาเยือนฮาร์ดดิสก์ของคุณแล้ว


5. ฮาร์ดดิสก์ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ปกติฮาร์ดดิสก์เวลาทำงานจะอุ่นๆ อยู่แล้ว แต่ถ้ามันร้อนมากจนรู้สึกได้ บางครั้งมีกลิ่นออกมาเลย ถ้ามีอาการเช่นนี้ก็เตรียมทำพิธีได้เลย ฮาร์ดดิสก์ของคุณใกล้ตายเต็มทีแล้ว


6. ประวัติของฮาร์ดดิสก์ ฮาร์ดดิสก์ที่เคยตกบนพื้นแข็ง (ขณะที่มันยังคงทำอยู่ หรือไม่ก็ตาม) หรือได้รับความร้อนมากเกินไป โดยเฉพาะเมื่อฮาร์ดดิสก์ได้รับการติดตั้งไว้ใกล้กับพัดลมระบายความร้อนซีพียู หรือพัดลมเสีย ซึ่งทั้งสองกรณีทำให้ความร้อนภายในสูงขึ้น ความร้อนนี้จะส่งผลให้ฮาร์ดดิสก์เริ่มมีอาการเอ๋อ อย่างเช่น มีปัญหาในการอ่าน หรือเขียนไฟล์ ปล่อยให้เป็นเช่นนี้เรื่อยๆ อายุของฮาร์ดดิสก์จะสั้นลงอย่างไม่ต้องสงสัย และหากฮาร์ดดิสก์มีประวัติทำนองนี้อยู่ล่ะก็ อายุของมันไม่ยืดแน่นอนครับ

วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552

108 ปัญหา เครื่องคอมพิวเตอร์ ที่พบกันบ่อย ๆ

108 ปัญหา เครื่องคอมพิวเตอร์ ที่พบกันบ่อย ๆ และแนวทางการแก้ไขเบื้องต้นรวบรวมปัญหาต่าง ๆ ที่พบได้บ่อย ๆ กับการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยได้พยายามรวบรวมปัญหาที่พบเห็นกันบ่อย ๆ และนำมาสรุปให้เป็นแนวทางสำหรับ การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น หวังว่าจะมีประโยชน์กับคนอื่น ๆ ได้บ้าง

ปัญหาของ Windows

หลังจาก Setup Windows ใหม่แล้วเกิดการค้าง ไม่ยอมทำการ Setup ต่อไปเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่สิ่งหนึ่งที่พบบ่อย ๆ คือการตั้งค่า Virus Warning ใน bios ไว้ทำให้เครื่องไม่สามารถ เขียนข้อมูลทับลงบนส่วนของ boot record ของฮาร์ดดิสก์ได้ ให้ลองแก้ใน bios ตั้งให้เป็น Disable ไว้ก่อน และหลังจากทำการ Setup Windows เสร็จแล้วค่อยตั้งเป็น Enable ใหม่

หลังจาก Setup Windows จะขึ้นข้อความ Windows Protection Errorที่พบบ่อย ๆ มากคือปัญหาของ RAM อาจจะเป็นเฉพาะช่วงที่ทำการ Setup Windows เท่านั้น (โดยที่ปกติก่อน Setup Windows จะใช้งานได้ ไม่เป็นอะไร) ให้ทดลองหา RAM มาเปลี่ยนใหม่ดู หรือหากเป็น SDRAM ให้ทดลองตั้งค่าใน bios ค่าของ CAS จากที่ตั้งเป็น 2 ลองตั้งเป็น 3 ดู อาจจะช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง

ใช้ AMD K6II-350 ขึ้นไปลง Windows95 แล้วเกิด Error แต่ลง Windows98 ได้จะเกิดจากการใช้ CPU ของ AMD ที่มีความเร็วตั้งแต่ 350MHz ขึ้นไปกับ Windows95 วิธีแก้ไขคือไป Download Patch สำหรับแก้ปัญหานี้ที่ AMDK6UPD.EXE มาแก้ไขโดยสั่งรันไฟล์นี้แล้วบูทเครื่องใหม่ก่อน อ่านรายละเอียดที่นี่

ปัญหาของ ฮาร์ดแวร์

RAM หายไปไหนเนี่ย ใส่เข้าไป 32 M. ทำไม Windows บอกว่ามี 28 M. เอง อาการของ RAM หายไปดื้อ ๆ จะเกิดกับการใช้เมนบอร์ดรุ่นที่มี VGA on board นะครับ ที่จริงก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก เพียงแต่ส่วนหนึ่งของ RAM จะถูกนำไปใช้กับ VGA ครับและขนาดที่จะโดนนำไปใช้ก็อาจจะเป็น 2M, 4M หรือ 8M ก็ได้ขึ้นอยู่กับการตั้งใน BIOS ครับ

ใช้เครื่องได้สักพัก มักจะแฮงค์ พอปิดเครื่องสักครู่แล้วเปิดใหม่ ก็ใช้งานต่อได้อีกสักพักแล้วก็แฮงค์อีก อาจจะเกิดจากความร้อนสูงเกินไป อย่างแรกให้ตรวจสอบพัดลมต่าง ๆ ว่าทำงานปกติดีหรือเปล่า หากเครื่องทำ Over Clock อยู่ด้วยก็ทดลองลดความเร็วลงมา ใช้แบบงานปกติดูก่อนว่ายังเป็นปัญหาอยู่อีกหรือเปล่า ถ้าใน bios มีระบบดูความร้อนของ CPU หรือ Main Board อยู่ด้วยให้สังเกตค่าของ อุณหภูมิ ว่าสูงเกินไปหรือเปล่า ทั้งนี้อาจจะทำการเพิ่มการติดตั้งหรือเปลี่ยนพัดลมของ CPU ช่วยด้วยก็ดี

มีข้อความ BIOS ROM CHECK SUM ERROR ตอนเปิดเครื่อง อาการนี้ส่วนใหญ่เกิดจากถ่านของ BIOS หมดหรือเกิดการหลวมครับ ให้ลองขยับถ่านให้แน่น ๆ ดูก่อน ถ้าไม่หายก็ต้องลองเปลี่ยนถ่านบนเมนบอร์ดดู (ก่อนเปลี่ยนถ้ามี Meter วัดไฟดูก่อนก็ดี) หลังจากเปลี่ยนแล้วให้ทำการ Clear BIOS Jumper ก่อนด้วย จะเป็น Jumper ใกล้ ๆ กับ IC BIOS นั่นแหละ ทำการ Jump ค้างไว้สัก 5 วินาทีแล้วก็ Jump กลับที่เดิมก่อน หลังจากนั้นต้องเข้าไปตั้งค่าต่าง ๆ ของ BIOS ใหม่ด้วย

ลืม Password ของ BIOS จะทำยังไงดี ให้ทำการถอดถ่านของ BIOS ออกสักครู่ แล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ ทำการ Clear Jumper BIOS ก่อนด้วย หรือลองดูวิธีการ Clear/Reset Password ของ BIOS

ซื้อฮาร์ดดิสก์มาขนาดใหญ่ ๆ แต่หลังจากทำการ Format แล้วเครื่องมองเห็นแค่ 2G อย่างแรกให้ดูก่อนเลยว่า ใช้ระบบ FAT16 หรือ FAT32 ถ้าหากเป็น FAT16 จะมองเห็นได้สูงสุดแค่ 2G ต่อ 1 Partition เท่านั้น ต้องใช้แบบ FAT32 ครับ วิธีการคือใช้ FDISK ของแผ่น Startup Disk WIN98 มาทำ FDISK (ถ้าเป็น FDISK จาก DOS หรือ WIN95 จะเป็นแบบ FAT16) ดูวิธีการทำ fdisk และ การ format ฮาร์ดดิสก์ ที่นี่

ไม่สามารถใช้งาน ฮาร์ดดิสก์ได้มากกว่า 8G. สำหรับเมนบอร์ดรุ่นเก่า ๆเกิดจากที่ BIOS ไม่สามารถรู้จักกับ ฮาร์ดดิสก์ที่มีขนาดใหญ่ ๆ ได้ จะเป็นกับเมนบอร์ดรุ่นเก่า ๆ ที่เคยพบมาอีกแบบคือ Windows มองเห็นเกิน 8G แต่ไม่สามารถใช้งานได้ จะบอกว่าฮาร์ดดิสก์ของเราเต็ม วิธีแก้ไขอย่างแรกคือ ให้ลองทำการ Update BIOS เป็น Version ใหม่ดูก่อน (ถ้าหาได้) หรือไม่ก็หา Download โปรแกรมสำหรับจัดการพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ จากเวปไซต์ของผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ยี่ห้อนั้น ๆ หรืออาจจะใช้วิธีการแบ่ง Partition ให้มีขนาดใหญ่ไม่เกิน 8G ต่อ 1 Partition ก็อาจจะช่วยได้

ปัญหาของ ซอฟต์แวร์

หลังจากลงโปรแกรมป้องกันไวรัส McAfee 4.0.3 แล้วไม่สามารถบูทเข้า Windows ได้เท่าที่พบจะเกิดกับบางเครื่องเท่านั้น ปัญหาเกิดจากหลังจากที่เราติดตั้ง McAfee ลงไปแล้ว เครื่องจะทำการ Scan ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์โดยใส่เป็น Batch File ไว้ในไฟล์ autoexec.bat ซึ่งบางครั้งจะเป็นปัญหาทำให้ค้าง ไม่ยอมเข้า Windows ต่อไป วิธีแก้ไขคือ ให้เปิดเครื่องเข้าใน MS-DOS Mode โดยกดปุ่ม F8 ค้างไว้ขณะเปิดเครื่อง จะเข้ามาที่เมนู Microsoft Windows 98 Startup Menu เลือกข้อ 6. sefe mode command prompt only แล้วใช้คำสั่ง "edit autoexec.bat" เพื่อแก้ไขไฟล์โดยให้ลบบรรทัดที่มีคำสั่ง scan.exe ออกครับ ทำการ save file แล้วทดลองบูทเครื่องใหม่อีกครั้ง

พิมพ์หน้า Web Page ออกเครื่องพิมพ์แบบ Ink Jet เป็นภาษาไทยไม่ได้ จะมีแต่ภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ ปัญหานี้จะเกิดกับการใช้เครื่องพิมพ์แบบ อิงค์เจ็ท รุ่นใหม่ ๆ วิธีแก้ไขคือ ให้ลองหา Download Driver รุ่นใหม่ ๆ ของเครื่องพิมพ์จาก Web Site ของเครื่องพิมพ์นั้น ๆ เพราะบางครั้งอาจจะมีการแก้ไขปัญหานี้แล้ว หรือไม่ก็ใช้วิธีเข้าไปตั้งค่า Regional Settings ที่ Control Panel เป็น English(USA) ก่อน เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วก็เปลี่ยนกลับมาเป็น Thai เหมือนเดิม การตั้งค่าก็ทำโดยกดที่ Start เมนู >> Settings >> Control Panel เลือกที่ Regional Settings เปลี่ยนเป็น English(USA)

สั่ง Defrag Hard Disk แล้วไม่ยอมเสร็จ จะกลับมาเริ่มต้นใหม่ วนแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ สาเหตุเกิดจากมีโปรแกรมบางตัวทำงานอยู่ในเวลานั้นด้วยและสั่งเขียนข้อมูลลงบนฮาร์ดดิสก์ เช่น Screen Saver, Winamp หรือพวก Anti Virus บางตัว ให้ทำการปิดโปรแกรมเหล่านี้ให้หมดก่อน หรืออาจจะใช้วิธีเข้า Windows ใน Self Mode (กด F8 ตอนเปิดเครื่องแล้วเลือก Self Mode)

ใช้การ์ดจอของ TNT แล้วเมื่อพิมพ์ข้อความต่าง ๆ สระบนล่างไม่ยอมขึ้นมาทันทีต้องพิมพ์ตัวต่อไปก่อนจึงจะเห็น เป็นปัญหาที่พบบ่อยมาก ๆ กับผู้ที่ใช้การ์ดจอของ TNT ครับให้ลองหา Driver รุ่นใหม่ ๆ จากเวปไซต์ของผู้ผลิตการ์ดจอมาใช้ จะแก้ไขได้หรือใช้ Driver ของ Detonator Version 3.65 ขึ้นไป หาได้จาก http://www.3dchipset.com